START IT UP: รีวิวแบกเป้เที่ยวไต้หวัน 4 วันแบบชิล ๆ ตอนที่ 1

สวัสดีผู้อ่านทุกท่านนะครับ นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ผมมีโอกาสได้ลองฉีกแนวมาเขียนบทความแนวท่องเที่ยวดูบ้าง จากประสบการณ์ส่วนตัวที่ได้มีโอกาสไปเที่ยวไต้หวันครั้งแรก ก็เลยอยากนำมาเล่าสู่กันฟังในแนวไดอารี่ทบทวนความจำ ว่าเป็นเที่ยวที่ไหนบ้างในไต้หวันตลอดระยะเวลา 4 วัน เผื่อเป็นข้อมูลให้กับคนที่สนใจอยากไปเที่ยวไต้หวันบ้าง

เนื่องจากไม่ใช่บล็อกเกอร์สายท่องเที่ยว หรือคนที่ชอบเล่นกล้อง เรื่องกล้องนี่ไม่ต้องพูดถึงครับ มีแค่กล้องมือถือเจ้า Xiaomi Mi A2 ที่พกติดตัวไปตลอดทริปเป็นตัวบันทึกภาพ และวิดีโอบอกเล่าเรื่องราวการผจญภัยในไต้หวันของผม การเล่าเรื่องจะเป็นแบบเรียบง่าย และปน Geek นิด ๆ สไตล์ START IT UP นะครับ หากใครพร้อมแล้วมาติดตามอ่านกันได้เลยครับ

การเตรียมตัวก่อนไปเที่ยวไต้หวัน 

เนื่องจากไต้หวันมีที่เที่ยวเยอะมาก สิ่งแรกที่ต้องทำ คือ 1) รู้จำนวนวันที่ไปเที่ยว และ 2) อยากไปเที่ยวที่ไหนบ้าง เพื่อใช้ในการวางแผนทั้งในเรื่องของการเดินทาง จำนวนเสื้อผ้าที่ต้องเตรียม และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ รวมถึงการแลกเงินให้เหมาะสมกับทริป แน่นอนครับว่าการไปเที่ยวแต่ละครั้ง มันจะเกิดสิ่งที่เรียกว่า Out of plan หรือไม่เป็นไปตามแผนได้ตลอดเวลาโดยเฉพาะเรื่องของค่าใช้จ่าย ที่เราอาจจะต้องเผื่อไว้ครับ ทริปนี้ใช้เวลาเที่ยวทั้งหมด 4 วัน (กลับวันที่ 5 ตอนตี 3) ซึ่งแต่ละวันผมจะสรุปให้ว่าผมไปเที่ยวที่ไหนบ้าง

จำนวนเงินที่ผมแลกไป คือ 25,000 NTD (สำหรับ 2 คน) ราคาค่าเงินของไต้หวันเรทจะพอ ๆ กับเงินบาท คือ 1 NTD = 1.06 บาท เรทที่ผมแลก คือ 1.085 บาท ต่อ 1 NTD แนะนำให้แลกจากประเทศไทยไปเลยครับ จะได้ไม่ต้องเสียเวลาแลกที่สนามบิน

สำหรับที่พักอย่างที่ผมเคยเขียนไปแล้วในบทความ แชร์ประสบการณ์และเทคนิคการจองที่พักบน Airbnb ในไต้หวัน คือ ผมเลือกจองที่พักบน Airbnb ด้วยเหตุผล คือ ต้องการที่พักราคาประหยัด (จะได้เน้นกิน เน้นเที่ยวมากกว่า) และได้ทำความรู้จักกับโฮสต์ที่เป็นคนท้องถิ่น

อยากเที่ยวไหนให้ดูรีวิว (จาก Youtube)

Taipei: รีวิวทริปเที่ยวไต้หวัน 4 วัน
Youtuber รีวิวเที่ยวไต้หวัน

ส่วนเรื่องเที่ยวที่ไหนบ้างนี้ ก่อนไปผมทำการบ้านมาก่อน โดยดูจากคลิปของ Youtuber อย่าง

Youtuber แต่ละคนจะไปเที่ยวในสถานที่แตกต่างกันไปครับ แล้วแต่ Life Style ของแต่ละคน ตรงนี้เป็นข้อมูลอย่างดีที่ช่วยให้เราเห็นบรรยากาศของสถานที่ต่าง ๆ ทำให้เราตัดสินใจได้ว่าอยากไปเที่ยวที่ไหนบ้าง และจุดไหนที่เราจะไม่พลาดแบบพวกเขา ยกตัวอย่างเช่น  Gowentgo พลาดตรงน้ำตกสือเฟิ่น ที่ได้สมญานามว่า “ไนแองการาแห่งไต้หวัน” เนื่องจากไปถึงเวลาที่เค้าปิดให้เข้าพอดี คือ 16.30 ส่วน Mayy R มีไป “จิ่วเฟิ่น” เมืองที่มีโรงน้ำชา “อาเม่ย” ชื่อดังในเรื่อง Spirited Away แต่เนื่องจากสภาพอากาศที่ฝนตก และมีหมอกปกคลุมทำให้ไม่สามารถเก็บภาพวิวสวย ๆ ของจิ่วเฟิ่นได้แบบเต็มที่

ข้อมูลเหล่านี้ทำให้เรารู้ว่าถ้าเราจะไปดูน้ำตกสือเฟิ่น ต้องไปก่อนเวลา 16.30 หรือถ้าอยากไปดูบรรยากาศสวย ๆ ของจิ่วเฟิ่นในยามค่ำคืน ควรเลือกไปเที่ยวในช่วงที่ไต้หวันไม่เจอมรสุม หรือวันที่ฝนไม่ตก ผมว่าการเก็บตกรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้สำคัญมากกับที่เที่ยวที่เราอยากไปครับ

ไกด์บุ๊คก็สำคัญไม่แพ้กัน

หลังจากที่เก็บข้อมูลออนไลน์แล้ว แหล่งข้อมูลออฟไลน์อย่างไกด์บุ๊ค (Guidebook) ก็มีความสำคัญไม่แพ้กันครับ หนังสือที่ผมซื้อติดตัวไปเที่ยว คือ “ไต้หวัน เล่มเดียวเที่ยวได้จริง” เขียนโดยคุณสิรภพ มหรรฆสุวรรณ

Taipei: รีวิวทริปเที่ยวไต้หวัน 4 วัน

ที่แนะนำเล่มนี้ เพราะว่าข้อมูลค่อนข้างอัพเดท (วางจำหน่ายมีนาคม 2560) การจัดวางเลย์เอาท์เนื้อหาทำได้ดี และมีข้อมูลแนว Survival Guide อาทิ การเดินทางในไต้หวัน พาสปอร์ตหายต้องไปติดต่อที่ไหน สถานที่เที่ยวที่แนะนำ อาหารการกิน การซื้อซิมเล่นเน็ต การซื้อบัตร Easy Card สำหรับนั่งรถไฟ และที่สำคัญ คือ แผนที่รถไฟ MRT ที่มีมาให้ในตัวเล่ม ซึ่งผมใช้บ่อยมาก

นอกจากนี้ในเล่มจะบอกว่าสถานที่ต่าง ๆ ที่เราอยากไปนั้นต้องนั่งรถไฟไปลงสถานีไหน ออกทางหมายเลขใด เวลาเปิดและปิดกี่โมง วันไหนที่ปิดบ้าง เช่น กระเช้าเหมาคงปิดทุกวันจันทร์ ถ้าไปเที่ยวสถานที่นอกเมืองอย่างทะเลสาบสุริยันจันทรา หรือภูเขาอาลีซาน คุณควรเผื่อวันที่ไปค้างด้วยสัก 1 คืน เพราะการเดินทางหลายต่อและใช้เวลานาน ถ้าอยากเดินทางไปเช้าเย็นกลับจะใช้พลังมากพอสมควร ถ้าไม่ฟิตจริงวันต่อมาคุณอาจเดี้ยงจากการเดินหลายกิโลได้ ตรงนี้เป็นข้อมูลที่สำคัญมาก พูดง่าย ๆ มันเป็นข้อมูลส่วนเติมเต็มที่การรีวิวจาก Youtuber ไม่สามารถให้ข้อมูลได้อย่างเต็มที่และครบถ้วนนั่นเอง

Day 1: จากเชียงใหม่ไปเถาหยวน

ทริปนี้ผมจองเที่ยวบินของ AirAsia ซึ่งเปิดเส้นทางการบินใหม่ เชียงใหม่-เถาหยวน ราคาโปรโมชั่นไม่แพงมาก เมื่อเทียบกับของ EVA และ NokScoot ค่าเครื่องบินไปกลับ 2 คน อยู่ที่ 13,260 บาท ระยะเวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมงกว่า ๆ เครื่องออกตอน 21.50 ไปถึง 2.30 ซึ่ง Timezone ของไต้หวันจะเป็น GMT+7 หรือเร็วกว่าประเทศไทย 1 ชั่วโมง

Taipei: รีวิวทริปเที่ยวไต้หวัน 4 วัน

วันแรกที่ไปถึงไต้หวันค่อนข้างเพลียครับ เพราะต้องค้างอยู่ที่สนามบินจนกว่ารถไฟ MRT ที่วิ่งเข้าตัวเมืองไทเปจะเปิดให้บริการเวลา 6.00 เก้าอี้ยาวนอนไม่ค่อยสบาย และแอร์ในสนามบินหนาวมาก ใครที่ไปไฟล์ทนี้ผมแนะนำให้เอาหมอนกับผ้าห่มไปด้วยครับ ส่วนใครที่กังวลว่าไปถึงแล้วจะติดต่อใครไม่ได้ ในสนามบินจะมีฟรี Wifi ให้คุณได้ใช้ แม้จะไม่เร็วมาก แต่ก็เพียงพอสำหรับการค้นหาข้อมูล และใช้แชทเพื่อติดต่อครับ

ที่สนามบินจะมี เซเว่น อยู่ชั้นล่าง แน่นอนครับว่ามันมีไอเท็มที่หลายคนฮือฮาเมื่อไปไต้หวัน นั่นคือ ชานม นอกจากนี้ยังมีขายโอเด้ง (ของต้มอาหารญี่ปุ่น) และไข่ต้มชาด้วยครับ

Taipei: รีวิวทริปเที่ยวไต้หวัน 4 วัน
โอเด้ง ไข่ต้มชา ชานม และบัตร Easy Card

ส่วนตัวผมให้ชานมในเซเว่นไม่ผ่านครับ อาจจะเป็นเพราะผมซื้อกลิ่นชาเอิร์ลเกรมา ลองดื่มแล้วกลิ่นมันแปลก ๆ

Taipei: รีวิวทริปเที่ยวไต้หวัน 4 วัน
ชานมเอิร์ลเกรซื้อจากเซเว่นที่สนามบิน

นอกจากนี้สิ่งที่ควรซื้อจากเซเว่นเลย คือ บัตร Easy Card คนไต้หวันจะเรียกว่า “โยวโย่วข่า” เป็นบัตรเติมเงินคล้ายกับ Rabbit Card ไว้สำหรับชำระเงินค่าโดยสารได้หลากหลายมาก คือ รถไฟ MRT, รถไฟธรรมดา, รถไฟ TRS, รถเมล์, กระเช้า รวมถึงใช้ซื้อของในเซเว่นได้ด้วย ราคาบัตรเปล่าอยู่ที่ 100 NTD ผมซื้อ 500 NTD (ซื้อบัตร 100 เติมเงินเข้า 400) เพื่อใช้เดินทางจากสนามบินเถาหยวนไปไทเป ซึ่งมีค่าเดินทาง 160 NTD

Taipei: รีวิวทริปเที่ยวไต้หวัน 4 วัน
บัตร Easy Card

หลังจากซื้อบัตร Easy Card เสร็จ ผมก็รอในสนามบินจนถึง 7 โมงเช้า เพื่อซื้อซิมมือถือไว้เล่นเน็ต แนะนำซิมของ Chunghwa ราคา 300 NTD (Plan B) เล่นเน็ต 4G แบบ Unlimited ได้ 5 วัน ความเร็วดีมากประมาณ 18 mbps สามารถดู Youtube แบบ 1080p ได้สบายเลยครับ

Taipei: รีวิวทริปเที่ยวไต้หวัน 4 วัน
Credit: pantip.com

ได้ซิมเล่นเน็ตสมใจ ผมกับแฟนก็พร้อมนั่งรถไฟจากสนามบินเข้าเมือง ซึ่ง MRT เข้าเมืองจะมี 2 แบบ คือ Commuter และ Express ซึ่งผมแนะนำแบบ Express เพราะที่นั่งสบาย และมีชั้นวางกระเป๋าเดินทางให้ แถมยังมีสายชาร์จมือถือให้ใช้งานด้วย (ดูในวิดีโอด้านล่าง) การเดินทางด้วยรถไฟ Express จะใช้เวลา 35 นาที ส่วน Commuter จะใช้เวลา 50 นาที เพราะต้องจอดหลายสถานี

Taipei Main Station จ๋าพี่มาแล้ว

ปลายทางของรถไฟจะมาสุดที่ Taipei Main Station แนะนำให้แวะไปถ่ายรูปตรงโถงกลางของสถานีซึ่งมันใหญ่เวอร์วังอลังการมาก ผมเห็นจากคลิปของ Gowentgo ตอนเดินไปจะงง ๆ หลง ๆ หน่อยว่ามันอยู่ตรงไหนต้องลองถามพนักงานในนั้นโดยการเอารูปให้ดู

Taipei: รีวิวทริปเที่ยวไต้หวัน 4 วัน
โถงกลาง Taipei Main Station

Taipei Main Station เรียกได้ว่าเป็นหัวใจหลักของเมืองในเรื่องการเดินทางเลย โดยเฉพาะการเดินทางไปเที่ยวนอกเมืองที่ต้องนั่งรถไฟความเร็วสูง รถไฟธรรมดา หรือรถเมล์ก็ต้องมาที่สถานีนี้ครับ

ก่อนที่จะเข้าที่พัก เราก็หามื้อเช้าทานกันก่อนโดยผมดูจากคลิปของ Archita พบว่ามีร้านที่น่าสนใจใน Taipei Main Station คือ ร้านซูชิชิ้นละ 10 บาท คล้ายกับซูชิแผงลอยบ้านเราที่ต้องคีบใส่กล่องพลาสติก แต่ซูชิทุกชิ้นของที่นี่เค้าห่อพลาสติกไว้ดูสะอาด กล่องนี้ผมซื้อมาประมาณ 80 บาท

Taipei: รีวิวทริปเที่ยวไต้หวัน 4 วัน
Sushi Express ชิ้นละ 10 NTD

ส่วนร้านชานมร้านแรกที่เราแวะซื้อกัน คือ ร้าน 50 Lan เป็นแฟรนไชส์ดังในไต้หวัน ที่มีจุดเด่นเรื่องไข่มุกเม็ดเล็ก น้ำแข็งน้อย และชานมไม่หวานมากครับ

Taipei: รีวิวทริปเที่ยวไต้หวัน 4 วัน
ชานมไข่มุกร้าน 50 Lan

ซื้อเสร็จก็มานั่งทานกันตรงโถงกลางนั่นล่ะครับ เสร็จจากมื้อเช้าก็ต้องมาคิดกันต่อว่าจะไปสิงที่ไหนดีที่สามารถอยู่ได้นาน ๆ เพราะผมยังไม่สามารถเช็คอินเข้าที่พักได้จนกว่าจะถึงบ่ายสาม เสียดายที่โฮสต์ Airbnb ไม่มีที่ให้เราฝากกระเป๋าเดินทางได้ จึงเป็นภาระของเราเองที่ต้องลากกระเป๋าไปไหนมาไหนด้วย แน่นอนว่ามันทุลักทุเลมากครับ

Huashan 1914 Creative Park อยากอาร์ตให้มาที่นี่

วันแรกตั้งใจว่าจะไปสถานที่ในเมืองไทเปเท่านั้น ถ้าจะไปโซนอนุสรณ์สถานเจียงไคเช็ค ก็ไม่น่าสะดวกกับการมีกระเป๋าเดินทางติดตัวไป เพราะที่นั่นมีบันได 89 ขั้นตามอายุของท่านเจียงไคเช็ค ดังนั้นผมจึงเลือก Huashan 1914 Creative Park ด้วยเหตุผลที่ว่าเป็นวันหยุด จะมีการจัดกิจกรรม และการแสดงต่าง ๆ ที่นั่นครับ ซึ่ง Huashan 1914 Creative Park ในอดีตเคยเป็นโรงงานผลิตไวน์ และบุหรี่เก่า หลังจากที่ปล่อยร้างไว้ก็ถูกนำมาปรับปรุงให้กลายเป็นศูนย์ศิลปะ และความคิดสร้างสรรค์ ตัวอาคารที่โดดเด่น คือ อาคารที่มีเถาวัลย์ปกคลุมครับ ซึ่งเป็น Signature ของที่นี่ที่ใครต่างก็แวะมาถ่ายรูป

Taipei: รีวิวทริปเที่ยวไต้หวัน 4 วัน
Huashan 1914 Creative Park
Taipei: รีวิวทริปเที่ยวไต้หวัน 4 วัน
Huashan 1914 Creative Park

ตัว Creative Park เหมาะกับการมาเดินเล่น ถ่ายรูปเล่น หาคาเฟ่นั่งจิ่บกาแฟกินขนม ซึ่งก็มีร้านดังอย่าง Fujin Tree 353 อยู่ที่นี่ แต่ผมไม่ได้ลองแวะเข้าไป นอกจากนี้ยังมีลานแสดงคอนเสิร์ตแบบเล่นสด และโรงภาพยนตร์ที่คล้ายกับลิโด้ คือ เอาหนังนอกกระแส หรือหนังอินดี้มาจัดฉาย

Taipei: รีวิวทริปเที่ยวไต้หวัน 4 วัน
Huashan 1914 Creative Park
Taipei: รีวิวทริปเที่ยวไต้หวัน 4 วัน
Huashan 1914 Creative Park

สำหรับอาคารที่จัดนิทรรศการณ์ที่ผมแวะไปเป็นอีเว้นท์ของประเทศเดนมาร์ก มีฝรั่งเอารถถีบแปลก ๆ มาให้ผมลองขี่ดู ส่วนห้องอื่น ๆ ในละแวกนั้นจะเป็นร้านขายสินค้าทำมือต่าง ๆ

Taipei: รีวิวทริปเที่ยวไต้หวัน 4 วัน
Taiwan Denmark Exhibition
Taipei: รีวิวทริปเที่ยวไต้หวัน 4 วัน
Taiwan Denmark Exhibition
Taipei: รีวิวทริปเที่ยวไต้หวัน 4 วัน
Taiwan Denmark Exhibition

ผมกับแฟนอยู่ที่ Creative Park จนถึงเที่ยงกว่า ๆ ก็เริ่มไม่ไหวกันแล้วครับ เนื่องจากเราทั้งคู่เพลียมากจากการเดินทาง และยังไม่ได้นอน เลยต้องรีบติดต่อโฮสต์เพื่อขอ Early Check-in เข้าที่พักตอนบ่ายสอง โดยเราแวะทานข้าวเที่ยงที่ Taipei Main Station และได้เจอคู่สามีภรรยาชาวไต้หวันซึ่งเป็นมิตรมาก และสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ เราจึงได้เพื่อนใหม่ในทริปนี้ครับ หลังจากกินข้าวเที่ยงเสร็จเราก็มุ่งหน้าไปสู่ที่พักที่สถานี Yuanshan แบบไม่รอช้า ซึ่งสามารถเดินเท้าจากสถานี MRT ไปที่พักได้ประมาณ 10 นาที

เช็คอิน Airbnb แบบเพลีย ๆ

CiCi เป็นโฮสต์ Airbnb ที่เตรียมที่พักรองรับทริปของเราในครั้งนี้ ผมเจอเธอครั้งเดียวแค่ตอนเช็คอินเข้าที่พัก ซึ่งเธอเป็นคนเอากุญแจที่พักมาให้ น่าเสียดายที่ผมไม่มีโอกาสถ่ายรูปกับ CiCi เนื่องจากผมกับแฟนเพลียกันมาก และต้องการพักผ่อนให้เร็วที่สุด

Taipei: รีวิวทริปเที่ยวไต้หวัน 4 วันtuber
ที่พักบน Airbnb

ประสบการณ์นี้เป็นจุดอ่อน Airbnb อย่างหนึ่ง คือ โฮสต์ไม่มีพื้นที่ให้เราฝากกระเป๋าได้จนกว่าจะถึงเวลาเช็คอิน (ซึ่งผมแนะนำให้ CiCi ลองพิจารณาเรื่องนี้ด้วยตอนที่ผมรีวิวโฮสต์) การฝากกระเป๋าไว้ตามสถานีรถไฟฟ้า มันไม่ค่อยสะดวกเพราะต้องเสียเวลาเดินทาง 2 ต่อ ต่อแรกคือการเดินทางไปเอากระเป๋า ณ จุดฝาก และต่อที่สอง คือ เมื่อได้กระเป๋าแล้วก็ต้องเดินทางจากสถานีที่ฝากกระเป๋าต่อไปยังที่พัก

หากไม่นับเรื่องฝากกระเป๋าที่พักบน Airbnb ในทริปนี้ต้องบอกว่าดี และคุ้มราคามาก ผมได้ที่พักคืนละ 700 กว่าบาท เป็นห้องส่วนตัวมีเตียง Double Bed ห้องน้ำในตัวและมีเครื่องทำน้ำอุ่นให้ สำหรับสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐานโฮสต์เตรียมให้ครบ ไม่ว่าจะเป็นผ้าเช็ดตัว กระดาษทิชชู่ ไดร์เป่าผม สบู่ แชมพู น้ำดื่ม กาแฟ และแก้วกาแฟ และมี Wifi ที่ความเร็วยอมรับได้

เมื่อเข้าห้อง เราสองคนไม่พูดพร่ำทำเพลงมากตรงไปเข้านอนในทันที ตื่นมาอีกทีก็ประมาณ 5 โมงเย็น สำหรับการเที่ยวในคืนแรกที่ไต้หวัน เรามีแผนกันอยู่แล้วว่าจะแวะไปไหว้เจ้าที่วัดหลงซาน (Longshan Temple) และปิดท้ายด้วยถนนคนเดินชื่อดังในย่าน Ximeding ครับ

Longshan Temple – วัดหลงซาน วัดดังของไต้หวัน

วัดหลงซาน เป็นวัดเก่าแก่และวัดดังของไต้หวัน ครั้งแรกที่ผมเดินเข้ามาตะลึงเลยครับ คือ สถาปัตยกรรมของวัดยิ่งใหญ่อลังการงานสร้าง และสวยงามมาก

Taipei: รีวิวทริปเที่ยวไต้หวัน 4 วัน
วัดหลงซาน

คนไต้หวันนิยมมาไหว้เทพเจ้าเพื่อขอพรให้สมหวัง โดยเฉพาะเทพผู้เฒ่าจันทรา สำหรับการไหว้เจ้าเราสามารถเดินไปขอธูป 1 ดอกได้ฟรี ทิศทางการไหว้เทพเจ้าองค์ต่าง ๆ จะเดินแบบทวนเข็มนาฬิกา และแน่นอนว่าก่อนออกจากวัดก็จะมีมุมให้เราสามารถซื้อเครื่องรางเพื่อให้สมหวังเกี่ยวกับเรื่องต่าง ๆ ได้ครับ

Taipei: รีวิวทริปเที่ยวไต้หวัน 4 วัน
วัดหลงซาน
Taipei: รีวิวทริปเที่ยวไต้หวัน 4 วัน
วัดหลงซาน

Ximending – สวรรค์ของนักช็อปยามค่ำคืน

ปิดทริปวันที่แรกที่ถนนคนเดิน Ximending ซึ่งเป็นย่านที่วัยรุ่นชาวไต้หวันนิยมมาซ็อปปิ้งกันตอนกลางคืน บรรยากาศ และแสงสีเค้าบอกว่าอารมณ์คล้ายกับย่านชิบูย่าของญี่ปุ่น ร้านแบรนด์ทั้งเสื้อผ้า และรองเท้ามีหมดครับ รวมถึง Street Food อีกมากมาย สิ่งแรกที่สะดุดตาผมหลังจากออกมาจากสถานี MRT คือ ป้ายโปรโมทเกม  Super Smash Bros. ของเครื่อง Nintendo Switch อลังการมาก

Taipei: รีวิวทริปเที่ยวไต้หวัน 4 วัน
ถนนคนเดิน Ximending

มาถึงย่านนี้ไม่รอช้าครับ หยิบไกด์บุ๊คขึ้นมาเปิดหาของกินที่มีชื่อ ร้านแรกที่ผมแวะไปต่อแถวซื้อ คือ 1973 J&G Fried Chicken เป็นร้านขายไก่ทอดชื่อดังร้านหนึ่งของไต้หวัน ผมลองซื้อแบบ Spicy ตามที่ไกด์บุ๊คแนะนำราคา 150 บาท รสชาติไก่ทอดไม่ได้ว้าวมากครับ ถ้าเทียบกับไก่แซ่บ KFC บ้านเราที่จัดจ้านมากกว่า

ร้านดังถัดมาที่ผมแวะไปต่อคิว คือ บะหมี่อา-จง (Ay-Chung Flour-Rice Noodle) เป็นร้านชื่อดังในย่านซิเหมินติง ที่คนต่อแถวเยอะ แต่รอคิวไม่นาน เพราะทำค่อนข้างเร็ว

ราคาถ้วยเล็ก 55 บาท ถ้วยใหญ่ 75 บาท เป็นบะหมี่คล้าย ๆ เส้นหมี่แต่ใหญ่กว่าและมีความเหนียวนุ่ม ส่วนน้ำซุปจะข้น ๆ คล้ายกับน้ำกระเพาะปลา มีเครื่องเคียงเป็นหนังไก่ คนนิยมซื้อแล้วก็มายืนกินข้างถนนในบริเวณด้านหน้าของร้าน รสชาติอร่อยครับ แนะนำให้แวะมาลอง

ถัดจากบะหมี่อา-จง ผมเดินหาร้านน้ำผลไม้ 2 สี ที่เขาชอบรีวิวกัน หลังจากที่เดินหาอยู่นานไม่เจอสักที เลยถามคนแถวนั้นปรากฏว่าร้านได้ปิดตัวแบบถาวรไปแล้วน่าเสียดายมาก ผมกับแฟนก็เลยไปหาร้านชาไข่มุกแทน ก่อนถึงร้านชาไข่มุกเราก็แวะร้านคีบตุ๊กตา ซึ่งมีอยู่หลายร้านในย่านซิเหมิน แต่ผมเล่นไม่เก่งก็เลยไม่ได้สักตัว

Taipei: รีวิวทริปเที่ยวไต้หวัน 4 วัน
ถนนคนเดิน Ximending

ร้านชานมไข่มุกร้านที่สองที่เราแวะ คือ Chachago ซึ่งเป็นร้านดังอีกหนึ่งร้านในย่านซิเหมินติง ไข่มุกร้านนี้จะเม็ดใหญ่ Size ปกติแบบที่ขายในบ้านเรา ชานมหอม และใส่น้ำแข็งน้อย

Taipei: รีวิวทริปเที่ยวไต้หวัน 4 วัน
ร้านชานม Chachago

ของขึ้นชื่ออีกอย่างของไต้หวัน คือ เต้าหู้เหม็น (Stinky Tofu) มีขายตามข้างทางย่าน Ximending แต่ด้วยกลิ่นที่เหม็นผมจึงไม่ได้ลองครับ ปิดท้ายก่อนกลับที่พักก็ขอแวะซื้อเสื้อสักตัวที่ร้าน H&M ถ้าเทียบกับราคาที่ไทยของไต้หวันจะถูกกว่าครับ

ปิดท้าย Day1

จบแล้วครับสำหรับทริปวันแรก ค่อนข้างเหนื่อยล้าพอสมควรเนื่องจากไม่ได้นอน ใครที่จะมาไฟล์ทแบบเดียวกัน (เชียงใหม่-เถาหยวน) ผมแนะนำให้เตรียมผ้าห่ม หมอน และที่ปิดตามานอนชาร์จแบตรอที่สนามบินเลยครับ หรือลองหาไฟล์ทที่มาถึงตอนเช้าจะได้ต่อ MRT เข้าเมืองได้ทันที

Taipei Main Station คือ จุด Check-in แรกที่คุณเดินทางเข้ามาในเมืองไทเป มีร้านอาหาร ร้านชานม และร้านขายของที่น่าสนใจหลายร้านครับ สำหรับ Huashan 1914 Creative Park แนะนำให้ไปครับไม่ผิดหวัง เป็นที่ที่ถ่ายรูปสวยมาก แต่ควรไปช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์ เพราะมีกิจกรรมต่าง ๆ มาจัดให้เราเดินชมกันแบบเพลิน ๆ

ตอนเย็นให้ลองแวะมาไหว้เจ้าที่วัดหลงซานวัด ซึ่งเปิดตั้งแต่ 7:00 – 22:00 และปิดท้ายวันด้วยย่าน Ximending คนเยอะเดินช็อปกันได้เพลิน ๆ รวมถึงมี Street Food ที่น่าสนใจให้ชิมเยอะมาก สำหรับทริปวันที่สองจะเป็นการเที่ยวนอกเมือง ซึ่งผมไป 3 แห่งในวันเดียว คือ 1) หมู่บ้านแมว 2) สือเฟิ่น สถานีรถไฟที่คนชอบไปปล่อยโคมลอย และดูน้ำตก และ 3) จิ่วเฟิ่น เมืองที่มีโรงน้ำชาต้นแบบในอนิเมะเรื่อง Spirited Away ของ Studio Ghibli

อ่านต่อ ตอนที่ 2: วันเดียวเที่ยว 3 เมือง – ตะลุยหมู่บ้านแมว สือเฟิ่น และจิ่วเฟิ่น

Comments

comments