ความเดิมตอนที่แล้ว รีวิวแบกเป้เที่ยวไต้หวัน 4 วันแบบชิล ๆ ตอนที่ 1 ผมกับหนึ่งเดินทางจากเชียงใหม่ไปถึงไต้หวัน พวกเรานั่งรถไฟจากสนามบินมาถึง Taipei Main Station เพื่อหาข้าวเช้าทาน และต่อด้วยการไปเดินเล่น Huashan 1914 Creative Park เพื่อรอเวลาเช็คอินเข้าที่พัก ตอนกลางคืนเราแวะไปไหว้เจ้าที่วัดหลงซาน และปิดท้ายทริปวันแรกที่ถนนคนเดินย่าน Ximending
สำหรับทริปวันที่ 2 พวกเราตั้งใจที่จะออกไปเที่ยวนอกเมืองดูบ้าง มีหลายที่ที่น่าสนใจ ในแผนการเดินทางตั้งต้นเรากะจะไปทะเลสาบสุริยันจันทรากัน แต่ดูจากค่าเดินทาง และค่าใช้จ่ายแล้วน่าจะหนักพอสมควร ผมลองคำนวณคร่าว ๆ ไปกลับสองคนน่าจะหมดเกือบ 5,000 NTD เลยเปลี่ยนแผนไปที่หมู่บ้านแมว (Cat Village) แทนครับ
การเดินทางไปหมู่บ้านแมวจะเป็นทริปที่ไม่มีอยู่ในไกด์บุ๊คเล่มที่ผมแนะนำ พูดง่าย ๆ คือ ต้องไปลองผิดลองถูกกันเอาเอง โดยอาศัยข้อมูลจาก Pantip ช่วย ซึ่งการเดินทางที่ผมเลือก คือ รถไฟท้องถิ่น (TRA) ใช้เวลาประมาณ 1 ชม.นั่งจาก Taipei Main Station ไปลงที่สถานีโฮ่วโถง (Houtong)

ขอแชร์เรื่องการซื้อตั๋วนะครับ จริง ๆ แล้วเราสามารถใช้บัตร Easy Card ขึ้นรถไฟ TRA ได้ปกติ แต่ด้วยความที่สถานที่มันไม่มีในไกด์บุ๊ค ผมเลยไม่มั่นใจว่าเราจะต้องขึ้นรถไฟฝั่งไหน และลงสถานีอะไร เลยใช้วิธีไปต่อคิวซื้อตั๋วรถไฟที่สถานีเอา โดยบอกกับพนักงานขายตั๋วว่าไป Cat Village (เอารูปให้ดู) เค้าก็จะออกตั๋วมาให้ แต่มันก็เป็นภาษาจีนอ่านไม่ออก เลยเดินไปชานชาลาแบบงง ๆ อาศัยถามคนไต้หวันเอา แต่ให้ชัวร์สุดแนะนำให้ถามนายสถานี (พนักงานที่คอยแจ้งว่ามีรถไฟกำลังมา) เค้าสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้เลยอุ่นใจไปครับ

ความดีงามอย่างหนึ่งของรถไฟท้องถิ่นไต้หวัน คือ เราสามารถเช็คเวลาที่รถจะมาถึงชานชาลาได้จาก Google Map ช่วยให้เรารู้ว่ารถไฟจะออกกี่โมง และไปถึงจุดหมายกี่โมง
และแล้วเราก็มาสถานี Houtong สถานีรถไฟที่มีรูปแมว คน และก็ลิง ชื่อโฮ่วโถงแปลว่า “ถ้ำลิง” สมัยก่อนจะเป็นถ้ำและมีลิงอาศัยอยู่จำนวนมาก ในยุครุ่งเรือง คือ ยุคถ่านหินว่ากันว่าเมือง Hongtong นั้นสามารถผลิตถ่านหินได้มากถึง 220,000 ตันต่อปี แต่ในช่วงปี 90 ถ่านหินได้หมดความนิยมลงทำให้ผู้คนย้ายออกไปหาอย่างอื่นทำหมด เหลือเพียงแต่เหมืองร้าง และชาวบ้านไม่กี่คน
ในช่วงปี 2008 มีอาสาสมัครองค์กรที่รักแมวอยากช่วยให้ชีวิตแมวจรจัดของที่นี่ดีขึ้น จึงโพสท์รูปแมวไปบนอินเทอร์เน็ต และนั่นคือจุดเปลี่ยนที่ทำให้เมือง Houtong กลายเป็นที่รู้จักจากคนรักแมวทั่วโลก และกลายเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คสำหรับหลายคนที่มาเที่ยวไต้หวัน
Houtong – ส่องหมู่บ้านแมว แอ่วแม่น้ำจีหลง
สถานี Houtong ตกแต่งทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับแมวจริง ๆ ครับ มีรูปตัวการ์ตูนแมวอยู่เต็มไปหมด รวมถึงกระดิ่งแมวขนาดใหญ่วางเรียงรายตามจุดต่าง ๆ เรียกได้ว่าถูกใจคนรักแมวแน่นอนครับ
ภาพที่มองลงไปจากสถานี Houtong คือ ร้านค้าและร้านอาหารต่าง ๆ ตอนแรกผมนึกว่าฝั่งนี้เป็นหมู่บ้านแมว แต่จริง ๆ มันเป็นฝั่งพิพิธภัณฑ์ถ่านเหมือง และแม่น้ำจีหลง (Keelung) หมู่บ้านจะอยู่ฝั่งตรงข้าม (ต้องหันหลังกลับ)
จุดแรกที่เราแวะมาดูกันคือแม่น้ำจีหลงครับ บริเวณแม่น้ำบรรยากาศสดชื่น และตัวแม่น้ำเองก็เป็นสีมรกตสวยงาม

คลิปของ “อาสาพาไปหลง” บอกว่าถ้ามาให้ลองแวะเอาเท้าไปจุ่มน้ำเล่นได้ ตอนแรกผมก็ไม่รู้ว่าจะลงไปใกล้ ๆ แม่น้ำได้หรือเปล่า แต่มีชาวไต้หวันคนหนึ่งเค้าลงไปถ่ายรูป ผมก็เลยตามไปบ้าง
ข้าง ๆ แม่น้ำจีหลงจะมีเหมืองร้าง และอาคารที่ใช้สำหรับขึ้นไปบนสะพานเพื่อใช้ข้ามแม่น้ำ ซึ่งตัวสะพานจะถูกออกแบบมาให้มีรางคล้ายกับรางรถไฟสำหรับใช้ขนถ่านหินข้ามแม่น้ำ สุดปลายทางของสะพานจะเป็นพิพิธภัณฑ์เหมืองถ่าน ซึ่งผมไม่ได้ลองแวะเข้าไปดู
เสร็จจากการถ่ายรูปแม่น้ำจีหลง เราก็เดินย้อนกลับมาเพื่อไปยังหมู่บ้านแมวที่อยู่ฝั่งตรงข้ามครับ ทางเชื่อมระหว่างสถานี Houtong กับหมู่บ้านแมว ทำเป็นลำตัวแมวเก๋ไปอีกแบบครับ
เนื่องจากเวลาที่ผมไปเป็นเวลาเที่ยงตรง อากาศค่อนข้างร้อน แดดแรง เหล่าน้องแมวจะหลบตัวอยู่ตามที่ร่ม หรือในร้านค้ามากกว่า ใครอยากไปหมู่บ้านแมวแนะนำให้ไปตอนบ่าย น่าจะเห็นแมวออกมาเพ่นพ่านเยอะกว่าช่วงเวลาที่ผมไป

ในหมู่บ้านแมว ก็จะมีร้านขายของที่ระลึก ร้านอาหาร และร้านกาแฟ หรือคาเฟ่เล็ก ๆ น่ารัก
หลังจากเดินในหมู่บ้านแมวได้สักพัก ตอนเที่ยงเราก็แวะเข้าไปหาอะไรทานในคาเฟ่แห่งหนึ่ง ซึ่งมีน้องแมวประจำร้านอยู่ตัวหนึ่งขนสีส้ม ท่าทางเป็นมิตรกระโดดขึ้นโต๊ะมาสำรวจเราว่ามีอะไรให้กินหรือเปล่าตามประสามแมว ๆ แต่พอเจ้าของร้านเรียกปุ๊บ น้องแมวรีบกลับไปอยู่ที่เค้าเตอร์ทันที นั่งจ๋องเผื่อจะได้เล่นกับเจ้าของบ้าง
มื้อเที่ยงที่เราสั่งมาทานจะเป็นชุดแพนเค้กราดน้ำผึ้ง ทานคู่กับเบค่อน กับมันฝั่งทอด และแก้เลี่ยนด้วยสตอเบอร์รี่โยเกิร์ต เช็ตนี้ราคา 180 NTD
หมู่บ้านแมวขนาดไม่ได้ใหญ่มาก สามารถเดินเล่นชิล ๆ 1 ชั่วโมงก็ครบแล้วครับ จุดหมายของเราต่อไป คือ จิ่วเฟิ่น (Jiufen) อยากไปถ่ายรูปโรงน้ำชาอาเม่ย ต้นแบบโรงน้ำชาในอนิเมะเรื่อง Spirit Awayed ตอนนั้นเป็นเวลาบ่าย 3 เลยคิดว่าเรายังมีเวลาไปเที่ยวที่อื่นก่อนไปจิ่วเฟิ่น ผมกับหนึ่งจึงนั่งรถไฟไป สือเฟิ่น (Shifen) ซึ่งที่นั่นคนนิยมไปปล่อยโคมตรงทางรถไฟ และมีน้ำตกสือเฟิ่นที่ได้สมญานามว่า “น้ำตกไนแองการาแห่งไต้หวัน” (The Niangara Falls of Taiwan) ครับ การเดินทางจากโฮ่วโถง (Houtong) ไปสือเฟิ่น (Shifen) โดยรถไฟจะใช้เวลาประมาณ 35 นาที คราวนี้เราใช้บัตร Easy Card จ่ายค่าโดยสาร
Shifen ปล่อยโคมขึ้นฟ้า พาดูน้ำตก
หากพูดถึงสือเฟิ่น (Shifen) ไฮไลท์ของที่นี่ คือ การปล่อยโคมตรงทางรถไฟ หากดูคลิปใน Youtube จะเห็น Youtuber หลายคนจะมารีวิวอาหารข้างทางรถไฟโดยเฉพาะปลาหมึกยักษ์ทอด และมาเขียนคำอธิษฐานปล่อยโคมลอยกัน

บรรยากาศที่สถานีสือเฟิ่นช่วงที่ผมมาถึงจะคราคร่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวทั้งชาวต่างชาติ (เจอคนไทยเยอะมาก) และชาวไต้หวัน มาทำ 2 กิจกรรม คือ ปล่อยโคม และไปชมน้ำตกสือเฟิ่น ใครอยากดูบรรยากาศสตรีทฟู้ด และการปล่อยโคมที่สือเฟิ่นสามารถดูในคลิปด้านล่างได้ครับ อาหารที่ผมแนะนำที่สือเฟิ่น คือ ปลาหมึกยักษ์ทอดชุบแป้งทอด ชิ้นใหญ่เคี้ยวเพลิน ไม่เหนียวเหมือนปลาหมึกบ้านเรา ราคา 150 NTD
พวกเราตั้งใจจะไปชมน้ำตกสือเฟิ่นก่อน แล้วค่อยกลับมาถ่ายการปล่อยโคม เพราะที่น้ำตกมีเวลาปิดทำการ คือ 16:30 ซึ่ง Gowentgo พลาดไปไม่ทัน วิธีไปน้ำตกสือเฟิ่นจะเดินไป หรือนั่งรถ Taxi ไปก็ได้ระยะทาง 1.2 กม. ค่า Taxi ครั้งละ 100 NTD
จากจุดที่รถจอด เราต้องเดินต่อไปสักพักจะเจอสะพานไม้ข้ามแม่น้ำจีหลง เพื่อไปชมน้ำตกสือเฟิน ถ้าดูจากแผนที่แบบภูมิประเทศใน Google Map น้ำตกสือเฟิ่นเป็นทางน้ำของแม่น้ำจีหลงที่เราเห็นที่หมู่บ้านแมวโฮ่วโถงครับ

ต้องบอกว่าคุ้มค่าที่แวะมาดูครับ น้ำตกสือเฟิ่นบรรยากาศธรรมชาติสวยงาม และเย็นสดชื่น ตรงน้ำตกจะมีจุดชมวิวหลายแห่ง เพื่อให้เห็นน้ำตกในมุมต่าง ๆ ครับ



หลังจากชมน้ำตกเสร็จ พวกเราก็นั่ง Taxi กลับมาที่สถานีรถไฟสือเฟิ่น เพื่อเก็บบรรยากาศการปล่อยโคม ขอบอกว่าพวกผมไม่ได้ปล่อยโคมกัน เพราะต้องรีบไปต่อที่จิ่วเฟิ่นครับ
จุดหมายสุดท้ายของทริปวันที่ 2 คือ จิ่วเฟิ่น ตอนนั้นเวลาประมาณ 5 โมงเย็น ถ้าจะไปด้วยรถไฟต้องรอรถมาเวลา 18:30 เพื่อไปสถานี Ruifang แล้วหารถต่อไปจิ่วเฟิ่น ซึ่งผมดูแล้วมันใช้เวลา และต้องนั่งรถหลายต่อกว่าจะไปถึงจิ่วเฟิ่นก็คงมืดค่ำแล้ว เราจึงลองหารถ Taxi ที่สือเฟิ่น ปรากฏว่าค่า Taxi จากสือเฟิ่นไปจิ่วเฟิ่น 2 คนจ่ายคนละ 500 NTD ตอนนั้นก็ลังเลว่าจะไปดีมั้ย คนขับก็เสนอทางเลือกที่ 2 คือ เดี๋ยวเขาจะหาคนมาช่วยหารอีก 2 คน (ไป 4 คน) จะได้จ่ายคนละ 250 NTD
ผมกับหนึ่งนั่งรอในรถ Taxi ประมาณ 30 นาที คุณลุงคนขับก็กลับมาพร้อมกับคู่รักชาวมาเลย์ เราก็เลยได้ไปจิ่วเฟิ่นในราคาคนละ 250 NTD สำหรับการเดินทางไปจิ่วเฟิ่นทางจะเป็นเขาคดเคี้ยวพอสมควร อารมณ์เหมือนเส้นทางไปปาย ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที ซึ่งประหยัดเวลาไปได้เยอะครับ การคุยกับคนมาเลย์เพื่อนร่วมทริปทำให้ผมทราบว่าคนมาเลย์ใช้ภาษาจีนเป็นหลักในการสื่อสาร พวกเขาไม่ได้เก่งภาษาอังกฤษมาก เค้าบอกเป็นภาษาที่สองแต่ใช้น้อยมาก เช่นเดียวกับภาษามาลายู
ก่อนถึงจิ่วเฟิ่น คุณลุงคนขับ Taxi จะเชียร์ให้เราเหมารถจากจิ่วเฟิ่นเพื่อกลับไทเป คนละ 350 NTD 2 คนก็ 700 NTD โดยเขาจะจอดรถรอให้เราไปเที่ยวจิ่วเฟิ่นประมาณ 2 ชม. เราก็เลยตกลงจ่ายกัน เพราะด้วยความเหนื่อยล้าจากการเดินทั้งวัน และก็ไม่รู้ว่าถ้าไปเสี่ยงดวงกับรถบัสขากลับจะมีที่นั่งหรือเปล่า ตอนที่ผมไปถึงจิ่วเฟิ่นก็ประมาณ 6 โมงเย็นฟ้านี่มืดสนิทแล้ว

เรามีเวลาเดินในจิ่วเฟิ่นได้ถึง 2 ทุ่ม ถามว่าพอมั้ยตอบว่า “พอครับ” เพราะตอน 2 ทุ่มร้านรวงก็ทยอดปิดหมดแล้วครับ และแล้วความเหนื่อยล้าก็เล่นงานหนึ่งทำให้หนึ่งปวดหัว ผมพาหนึ่งไปแวะพักร้านน้ำชาตรงตีนถนน ก่อนออกไปซื้อยาพาราที่เซเว่น
Jiufen เมืองโคมแดงในฝัน แรงบันดาลใจ Spirited Away

ต้องบอกว่า Jiufen old street เป็นถนนคนเดินแบบขั้นบันไดไต่ขึ้นเขาไป และผู้คนสัญจรเยอะมาก (ดูรูปประกอบด้านล่าง) ทำให้ผมไม่สามารถเร่งความเร็วได้มากนัก และด้วยความรีบผมจึงไม่ได้ถ่ายรูปร้านค้าตามข้างทาง ปรากฏว่าพอไปถึงเซเว่น ยาพาราไม่มีขายเหมือนในบ้านเราครับ พนักงานขายบอกให้ผมลองไปที่ร้านวัตสันที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ผมต้องถามคนขายย้ำอีกรอบว่าใช่ยาแก้ปวดหัวหรือไม่ เพราะกล่องยาเป็นภาษาจีนครับ ซึ่ง Google Translate ไม่ได้ช่วยอะไรเลย ราคายาก็แพงกล่องละ 110 NTD มี 10 เม็ด ใครไปเที่ยวแนะนำให้พกยาพาราจากบ้านเราไปเลยนะครับ ถูกกว่าเยอะ

หลังจากซื้อยาเสร็จผมก็กลับมาที่โรงน้ำชา ใช้เวลาไปกลับ 30 นาที หนึ่งได้ทานยาเราก็นั่งพักดื่มชาอีก 30 นาที (แนะนำชาอู่หลง) จนอาการหนึ่งดีขึ้นเราค่อยออกไปที่ Jiufen old street บรรยากาศจิ่วเฟิ่นยามค่ำคืนสวยมากครับ โดยเฉพาะการเปิดโคมไฟตลอดทางเดิน
เนื่องจาก Jiufen เป็นเมืองที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับอนิเมชันชื่อดัง Spirited Away ของ Studio Ghibli ทำให้เราพบเห็นร้านขายของที่ระลึกเกี่ยวกับการ์ตูนของ Studio Ghibli เยอะมาก ที่นิยมกันคือเจ้าผีไร้หน้า (No Face) กับโตโตโร่ (Totoro)
หลังจากแวะร้านขายของ เราถามคนแถวนั้นว่าร้านน้ำชาอาเม่ย (A Mei Tea House) อยู่ตรงไหน (ร้านนี้เป็นร้านต้นแบบของโรงน้ำชาในเรื่อง Spirited Away) ด้วยความไม่รู้ว่าจะต้องไปถ่ายรูปร้านน้ำชามุมสวย ๆ ตรงไหนเราก็เดินไปถ่ายที่ร้านแบบตรง ๆ แบบนี้เลยครับ เดี๋ยวมาเฉลยทีหลังนะครับว่ามุมสวย ๆ ต้องไปถ่ายตรงไหน


เนื่องจากเหลือเวลาไม่มาก เราก็เลยรีบเดินกันต่อจนถึงสุดถนนมีเป็นร้านขนมบัวลอยเผือกร้านหนึ่ง เลยลองแวะเข้าไปทานกันเพราะเป็นเมนูแนะนำของ Jiufen ราคาถ้ายละ 50 NTD มีให้เลือกแบบเย็น และร้อน ในรูปผมสั่งแบบร้อนมา 1 ถ้วย ที่ร้านจะมีห้องให้เราเข้าไปนั่งทานได้ หากใครมาช่วงเย็น ๆ จะเห็นทิวทัศน์ของเมืองจิ่วเฟิ่น เสียดายตอนที่ผมมาก็มืดมองอะไรไม่เห็นแล้ว

ทานขนมบัวลอยเผือกเสร็จ พวกเราก็เดินย้อนกลับมาแวะดูร้านค้าต่าง ๆ ในจิ่วเฟิ่นซึ่งกำลังจะปิดกันหมดแล้ว เวลาตอนนั้นเกือบ ๆ 2 ทุ่ม ใครอยากเห็นบรรยากาศร้านค้าในจิ่วเฟิ่นดูได้จากคลิปด้านล่างครับ ขออธิบายเพิ่มเติม Jiufen Old Street มันจะเป็นทางเดินบันไดเดินขึ้นไปเรื่อย ๆ พอถึงจุด ๆ หนึ่งมันจะเป็นทาง 4 แยก ซึ่งจะถ้าเลี้ยวซ้ายกับขวาจะเป็นที่ราบมีร้านค้าต่าง ๆ มากมาย
ขากลับโชคดีมากที่สังเกตเห็นจุดถ่ายรูปร้านน้ำชาอาเม่ยแบบในไกด์บุ๊ค ขอเฉลยตำแหน่งของมันนะครับ มันจะอยู่ฝั่งตรงข้ามร้านน้ำชาอาเม่ย ต้องเดินบันไดขึ้นไปถ่าย (คนต่อคิวถ่ายเยอะมาก) ก็เลยได้รูปสวย ๆ กลับมาฝากกันครับ


ปิดท้ายด้วยรูปโคมสวย ๆ ตรงตีนถนน ด้วยแสงไฟจากโคมแดง ผนวกกับบรรยากาศยามค่ำคืน มันทำให้ผมรู้สึกว่าจิ่วเฟิ่นมันเหมือนเมืองในฝันที่จะติดตาตรึงใจผมไปอีกนาน ใครที่มาเที่ยวไต้หวันผมแนะนำให้มาจิ่วเฟิ่นสักครั้ง (ในช่วงที่อากาศดีฝนไม่ตก) แล้วคุณจะไม่ผิดหวังครับ


ปิดท้าย Day2
วันเดียวเที่ยว 3 เมือง ทริปวันที่ 2 เราตัดสินใจออกไปเที่ยวนอกเมืองไต้หวันกัน 2 ใน 3 เป็นสถานที่ที่ไม่ได้อยู่ในไกด์บุ๊ค (หมู่บ้านแมว และสือเฟิ่น) ต้องอาศัยข้อมูลการเดินทางจากใน Pantip เอา เริ่มจากนั่งรถไฟจาก Taipei Main Station ไปที่โฮ่วโถง (Houtong) 1 ชม. ที่นั่นมีที่เที่ยว 2 ที่ คือ 1) แม่น้ำจีหลง และพิพิธภันฑ์ถ่านหิน (ซึ่งผมไม่ได้แวะไป) และ 2) หมู่บ้านแมว ใครอยากเล่นกับแมวแนะนำให้ไปช่วงบ่าย ๆ หรือวันที่แดดไม่แรง
ถัดจากหมู่บ้านแมว ผมนั่งรถไฟไปต่อที่สือเฟิ่น (Shifen) เมืองที่คนนิยมมาปล่อยโคม ที่นี่มี Street Food ดี ๆ เยอะ แนะนำปลาหมึกยักษ์ชุบแป้งทอด นอกจากปล่อยโคมแล้วคุณยังสามารถไปชมน้ำตกสือเฟิ่นที่ได้สมญานาม “น้ำตกไนแองการาแห่งไต้หวัน” น้ำตกอยู่ห่างจากสถานี 1.2 กม. สามารถนั่ง Taxi ไปได้ ราคา100 NTD
ปลายทางสุดท้าย คือ จิ่วเฟิ่น (Jiufen) เมืองที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับอนิเมะเรื่อง Spirited Away ของค่าย Studio Ghibli การเดินทางไปจิ่วเฟิ่นของผมคือหา Taxi จากสือเฟิ่น ราคาคนละ 500 NTD แต่ถ้าหาคนมาหารนั่ง 4 คนจะได้ราคา 250 NTD ใช้เวลาเดินทางไม่นาน 30 นาทีก็ถึง ส่วนขากลับไทเปก็ใช้บริการ Taxi คันเดิมนั่งกลับมากัน 4 คนตกคนละ 350 NTD สะดวกตรงที่ไม่ต้องไปเสี่ยงดวงกับรถบัสที่คนน่าจะเยอะ และรถขากลับค่อนข้างติด
มาจิ่วเฟิ่นที่ต้องแวะไปถ่ายรูปเลย คือ โรงน้ำชาอาเม่ย และเดินกิน Street Food แต่ถ้าอยากจิบน้ำชาก็มีให้เลือกหลายร้าน แนะนำให้ลองชาอู่หลง อีกร้านที่แนะนำคือบัวลอยเผือกอยู่สุดถนน Jiufen Old Street ใครอยากมาจิ่วเฟิ่นผมแนะนำให้มาช่วงเย็น ๆ เพื่อจะได้จิ่บชาชมพระอาทิตย์ตกดิน แต่ทริปของผมค่อนข้างโหดหน่อย คือ เราไปแวะสือเฟิ่นก่อนทำให้ช่วงที่มาถึงจิ่วเฟิ่นฟ้าก็มืดแล้ว แลกกับการได้เที่ยว 3 ที่ในวันเดียว ก็ลองเอาไปพิจารณากันดู แต่การเที่ยวแบบนี้ก็ทำให้ผมกับหนึ่งเดี้ยงในวันต่อมา เพราะใช้พลังในการเดินเยอะมากครับ
อ่านต่อ ตอนที่ 3: ฟิตพลังขา พาขึ้นเขาเซี่ยงซาน บุกร้านโทโทโร่