คุณเชื่อหรือไม่ในสังคมอเมริกันชน รายได้กว่า 30,000 ล้านดอลล่าร์ มาจากผู้ประกอบการที่ทำธุรกิจทำงานที่บ้าน (Home-based business) ซึ่งส่วนมากมักดำเนินเพียงแค่คนเดียว (Solopreneur) และก็ไม่ง่ายที่จะสร้างธุรกิจรูปแบบนี้ขึ้นมาให้ประสบความสำเร็จ แต่แนวทางที่เราจะพูดถึงกันในบทความนี้ แสดงให้เห็นถึงความเป็นไปได้ว่าความสำเร็จในธุรกิจสามารถเกิดขึ้นได้จริง
ผลจากการสำรวจพบว่า ผู้ประกอบการกว่า 200,000 ราย มียอดขายช่วง 500,000 ถึง 999,999 เหรียญ และอีกกว่า 400,000 รายมียอดขายช่วง 250,000 ถึง 499,999 เหรียญต่อปี
สำหรับใครก็ตามที่ต้องการทำธุรกิจทำงานที่บ้าน มันก็คือการทำธุรกิจเหมือนกัน เพียงแค่เปลี่ยนจากพนักงานหลายคน มาเป็นคุณคนเดียว โดยพื้นฐานแล้วทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม แม้กระทั่งปัจจัยที่ทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ
ดังนั้นถ้าคุณต้องการเป็น Solopreneur นั่นหมายถึง คุณคือเจ้าของธุรกิจ และสามารถใช้บ้านเป็นออฟฟิศได้ โดยที่คุณไม่จำเป็นต้องไปเปิดบริษัทใหญ่โตอะไรเลย
5 แนวทางต่อไปนี้ จะช่วยยกระดับทักษะของคุณ หรือสถานการณ์ในปัจจุบัน เพื่อให้คุณสามารถมีธุรกิจทำงานจากที่บ้านได้ โดยชี้ให้เห็นถึงโอกาสทางธุรกิจที่คนทั่วสามารถใช้สร้างเงินล้านได้
1. คิด Product ที่ช่วยแก้ปัญหาที่คุณประสบในชีวิตประจำวัน
Katherine Krug ประสบปัญหาปวดหลังจากการนั่งทำงานนาน ๆ เธอไม่สามารถหาทางออกดี ๆ ได้ ดังนั้นเธอจึงเริ่มสร้าง Prototype สายรัดพยุงหลังขึ้นมา (โดยอาศัยความช่วยเหลือจากนักออกแบบอุตสาหกรรม) เธอนำ Prototype นี้ไประดมทุนจากมวลชนใน Kickstarter แลได้เงินมาจำนวน 1.2 ล้านเหรียญ ปัจจุบันเธอยังทำธุรกิจเงินล้านในชื่อ getbetterback.com เพียงลำพังจากที่บ้านในย่านซาน ฟรานซิสโก
Kelly Lester แม่บ้านลูกสาม เธอสร้างธุรกิจจากปัญหาที่เธอพบเจอ คือ Lester ต้องการอะไรสักอย่างที่ง่ายและรวดเร็ว สำหรับแพ็กอาหารกลางวันให้กับลูก ๆ ของเธอ และเธอก็พบสิ่งที่เธอต้องการ คือ “กล่องเบ็นโตะ” (กล่องอาหารญี่ปุ่นที่สามารถประกอบเข้าออกได้) ความหลงใหลในเจ้าเบ็นโตะของ Lester ได้แปรเปลี่ยนมาเป็นธุรกิจกล่องอาหารกลางวัน easylunchboxes.com ที่มีมูลค่ากว่า 1 ล้านเหรียญได้ในที่สุด
ในชีวิตประจำวันเราต่างพบเจอปัญหาที่ถาโถมเข้ามา ดังนั้นจงเปิดหูเปิดตาให้กว้าง เพราะแรงบันดาลใจสามารถเกิดขึ้นได้ทุกขณะ ธุรกิจที่ประสบความสำเร็จจำนวนมาก มักเกิดจากปัญหาส่วนตัวที่ผู้ก่อตั้งเองนั้นพบเจอ
2. เข้าใจ Niche และสร้างร้านค้าออนไลน์ของคุณ
“คุณมีข้อมูลเชิงลึกมั้ยว่าสินค้าตัวไหนที่ผู้คนกำลังมองหาอยู่ ถ้าคุณตอบว่ามี ให้คุณเริ่มทำธุรกิจได้เลย” Allen Walton ผู้ประกอบการวัยรุ่นกล่าว
Walton เคยเป็นลูกจ้างในร้านขายกล้องวงจรปิดแห่งหนึ่ง เขารู้ว่าถ้าลูกค้าเหยียบเข้ามาในร้าน พวกเขาต้องการอะไร ประสบการณ์นี้ทำให้ Walton มีข้อมูลเชิงลึกในการหยิบจับสินค้าจากคลังที่ถูกใจลูกค้า ในตอนนั้นชายหนุ่มมีเงินเก็บประมาณ 1,000 เหรียญ เขาตัดสินใจเปิดร้านค้าขายกล้องวงจรปิดขึ้นบนเว็บชื่อ spyguysecurity.com
Walton แนะนำว่า “ด้วยความรู้ที่คุณมีเกี่ยวกับ Niche คุณจะเข้าใจว่าลูกค้ากำลังมองหาอะไร และนั่นคือโอกาสที่คุณสามารถเปิดร้านค้าออนไลน์ขึ้นมา เพื่อขายของให้กับคนเหล่านั้นได้ ถ้าคุณมีความรู้ด้านไอที คุณสามารถทำเว็บไซต์เองโดยใช้ WordPress + Woocommerce ได้ หรือคุณจะจ้าง Outsource ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งเช่นกัน”
ถ้าดูจากข้อมูลการสำรวจสำมะโนประชากรในอเมริกา คุณจะไม่แปลกใจเลย ว่าทำไมธุรกิจขนาดใหญ่จำนวนมาก มักดำเนินการโดยผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จแวดวงค้าปลีก
3. ขยายทักษะของคุณผ่านเทคโนโลยี
คุณใช้ทักษะของคุณแต่ในโลกออฟไลน์ใช่หรือไม่? ปัจจุบันความก้าวหน้าของเทคโนโลยี ช่วยให้คุณสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้นกว่าเคย และไม่ถูกจำกัดด้วยเวลา และจำนวนลูกค้าด้วยนะ
Dan Mezheritsky ครูฝีกส่วนตัว (Fitness) เขาได้ขยายธุรกิจโดยการ ทำเป็นเซ็ตการฝึกส่วนตัวไว้สำหรับฝึกเองที่บ้าน ต่อยอดด้วยการทำแฟรนไชส์ รวมถึงสร้างซอฟต์แวร์ขึ้นมาเพื่อช่วยให้การฝึกสอนสามารถทำได้แบบอัตโนมัติ
อีกเคสหนึ่ง คือ โทรศัพท์มือถือช่วยให้ Rachel Charlupski ขยายธุรกิจพี่เลี้ยงเด็กของเธอให้กลายเป็นเครือข่ายพี่เลี้ยงเด็กกว่า 1,500 คน ซึ่งในตอนแรก Charlupski เริ่มธุรกิจนี้เพียงลำพัง โดยเธอเสนอบริการพี่เลี้ยงเด็กให้กับแขกที่มาพักในโรงแรมย่านฟีนิกซ์ เพื่อหารายได้พิเศษ
ในแง่ของการทำสินค้า Alicia Shaffer ขยายธุรกิจผ้าโพกหัวของเธอจาก จากเดิมแค่เฉพาะฐานลูกค้าใน Livermore รัฐ California ไปเป็นลูกค้าเป็นล้าน ๆ คนบนโลกออนไลน์ เธอสร้างทั้งเว็บไซต์ของตัวเอง และเปิดร้านค้าใน Platform ขายของแฮนด์เมดยอดนิยมอย่าง Etsy โดยทั้ง 2 แหล่งรวมกันสร้างยอดขายให้เธอเกือบหนึ่งล้านเหรียญ
แนวทางที่ 3 นี้แสดงให้เห็นว่า ถ้าคุณมีทักษะไม่ว่าจะในอุตสาหกรรมใดก็ตาม เทคโนโลยีสามารถช่วยคุณขยายฐานลูกค้าออกไปได้แบบไม่รู้จบ
4. สร้างคอร์สเรียนออนไลน์
คุณมีทักษะในการสอนผู้อื่นหรือไม่ ถ้ามี นี่คือแนวทางที่คุณสามารถทำธุรกิจคอร์สเรียนออนไลน์ได้ ในปัจจุบันมีทางเลือกมากมายที่คุณจะสามารถเป็นเจ้าของหลักสูตรได้ ถ้าคุณมีความรู้ด้านเทคนิค คุณสามารถใช้ WordPress + Sensei Theme เพื่อสร้างเว็บการเรียนการสอนได้ หรือคุณจะใช้ Platform สำหรับคอร์สออนไลน์อย่าง Fedora หรือ Udemy ก็ได้เช่นกัน
John Azzi และ Eliot Arntz คือตัวอย่างผู้ประกอบการที่มีรายได้จากคอร์สการสอนกว่า 1 ล้านเหรียญในปี 2014 คอร์สของพวกเขา คือ การสอนพัฒนาแอพบน iOS 8 และภาษาโปรแกรมมิ่งตัวใหม่อย่าง Swift อีกตัวอย่างหนึ่ง คือ Rob Percival อดีตอาจารย์สอนคณิตศาสตร์จากแคมบริดจ์ ประเทศอังกฤษ ประสบความสำเร็จจากคอร์สเรียนสอนเขียนโปรแกรม 4 ตัว โดย Percival มีรายได้กว่า 1 ล้านเหรียญในระยะเวลาไม่ถึงปี
ดังนั้น ถ้าคุณมีความรู้ความเชี่ยวชาญในด้านไหน คุณสามารถผลิตออกมาเป็นคอร์สสอนคนอื่นได้ ซึ่งคอร์สเรียนที่น่าทำ คือ พวกคอร์สที่สอนให้ผู้เรียนมีรายได้มากขึ้น หรือนำไปปรับใช้ในอาชีพของพวกเขาให้สามารถทำงานได้ดีขึ้น
5. ตีพิมพ์อีบุ๊ค
ถ้าเป็นเมื่อก่อน การที่คุณจะตีพิมพ์หนังสือสักเล่มได้นั้น คุณต้องไปอ้อนวอนสำนักพิมพ์ที่มีชื่อให้ตีพิมพ์ และโปรโมทหนังสือให้กับคุณ ซึ่งมันยากมาก แต่ทุกวันนี้คุณสามารถตีพิมพ์หนังสือด้วยคุณเองได้ (self-publishing) ซึ่งมีค่าใช้จ่ายเพียงต่ำ และสามารถเผยแพร่ไปยังนักอ่านจำนวนมากได้
ตลาดสำหรับซื้อขายหนังสืออย่าง Amazon Kindle, Goodreads, Kobo Writing Life ฯลฯ เป็น Platform ที่เปิดโอกาสให้ผู้คนสามารถตีพิมพ์อีบุ๊ค และสื่อสารกับกลุ่มผู้อ่านได้
Amanda Hocking เจ้าของอีบุ๊คนิยายหลายเล่มบน Amazon มีรายได้จากการขายนิยายกว่า 2 ล้านเหรียญ โดยก่อนที่เธอจะมาเลือกช่องทางออนไลน์นั้น Hocking เคยถูกปฏิเสธจากสำนักพิมพ์หลายเจ้ามาก่อน
อีกหนึ่งตัวอย่าง คือ Guy Kawasaki นักเขียนหนังสือ 13 เล่ม และเล่มที่เป็น Bestsellers คือ how to self-publish an ebook หรือการตีพิมพ์อีบุ๊คด้วยตนเอง โดยในเล่มนำเสนอกลยุทธและการปฏิบัติที่สร้างแรงบันดาลใจแก่ผู้อ่านเพื่อลงมือเขียนหนังสือ รวมทั้งยังมี Template การเขียนที่พร้อมใช้งานให้กับผู้ซื้ออีกด้วย
ไม่ว่าคุณจะทำอะไรก็ตามแต่ ลำพังแค่ Passion นั้นไม่เพียงพอที่จะให้คุณก้าวไปต่อ การลงมือทำทุกวัน และปรับปรุงอย่างต่อเนื่องต่างหาก ที่จะทำให้ธุรกิจของคุณก้าวหน้า
สุดท้ายคุณไม่ต้องกังวลหรอก ถ้าคุณล้มเหลวครั้งแรก หรือล้มเหลวอีกหลายครั้งก็ตาม ที่คุณต้องทำคือลองให้มันถูกสักครั้งก็พอ
ส่วนตัวโดยผู้แปล
ไอเดียทั้ง 5 ที่กล่าวมา ในปัจจุบันประเทศไทยมี Platform ต่าง ๆ ที่เอื้อให้คุณสามารถเป็น Solopreneur ได้ไม่ว่าจะเป็น
- การระดมทุนเพื่อสร้าง Product แก้ปัญหาให้กับผู้คน สามารถระดมทุนได้จาก DreamDrive, Dreamaker หรือ Taejai.com
- การสร้าง Niche ขึ้นมาโดยการให้ความรู้และขาย Product ผ่านเว็บไซต์ส่วนตัว, FB Panpage หรือ Line
- การขยายทักษะเพื่อทำรายได้มากขึ้น เช่น แทนที่คุณจะสอนผู้คน ทำไมคุณไม่ทำ Video การสอน เพื่อขยายฐานผู้เรียน และเป็นอิสระจากข้อจำกัดทางด้านเวลา
- การสร้างคอร์สเรียนในปัจจุบันมี Platform มากมายที่คุณสามารถปล่อยวิชาของคุณได้ ไม่ว่าจะเป็น Taladpanya.com, Skilllane.com หรือ Coursesquare.co
- การเขียนอีบุ๊คนี่ก็เยอะมากครับ ไม่ว่าจะเป็นการตีพิมพ์และขายบนเว็บส่วนตัว, Ookbee, Se-ed หรือ Mebmarket.com
เหล่านี้ คือ Platform ที่จะอำนวยให้คุณสามารถกลายเป็น Solopreneur ได้ไม่ยาก ของเพียงแต่คุณศึกษาความต้องการของตลาด พิจารณาทักษะของคุณเอง และที่สำคัญที่สุด คือ การลงมือทำ เพื่อให้ธุรกิจของคุณสามารถเกิดขึ้นได้จริงครับ