บทความนี้ขอแชร์จากประสบการณ์การเป็นโฮสต์ Airbnb ผสมผสานกับเรื่องราวที่ได้จากการอ่านหนังสือ The Airbnb Story เพื่อให้ผู้อ่านเห็นภาพว่าทำไม Airbnb จึงเป็นธุรกิจที่น่าทำ
หลายคนอาจจะมองว่าก็มัน คือ ระบบที่ช่วยให้เราสามารถทำเงินได้จากสิ่ง (ห้องว่าง หรือที่พัก) ที่เรามี แต่โดยเนื้อแท้แล้ว Airbnb ยังให้อะไรที่มากกว่าในเรื่องของเงิน หรือรายได้ครับ นั่นคือการเติมเต็มอะไรบางอย่างให้กับชีวิตเรา ซึ่งผมขอเรียกสิ่งนั้นว่า “ความเป็นมนุษย์” ครับ
คุณ คือ ส่วนหนึ่งของความเป็นไปได้ใหม่บนโลกใบนี้
บ่อยครั้งที่เราจองโรงแรมผ่านเว็บไซต์ เราคิดแค่ว่าขอให้เรามีที่นอนในสถานที่ที่เราจะไปท่องเที่ยว หรือทำธุระอะไรก็ตามแค่นั้นพอ เอาจริง ๆ คือเราไม่ได้คาดหวังอะไรไปมากกว่านั้น ว่าจะต้องมีปฏิสัมพันธ์กับใคร หรือได้รับประสบการณ์อะไรที่นอกเหนือจากนั้น
ผมขอโยงมาที่คอมเม้นต์หนึ่งที่ปรากฏในแฟนเพจ START IT UP บอกเล่าถึงประสบการณ์ที่ย่ำแย่ในการไปพักกับโฮสต์ Airbnb และสรุปด้วยว่าการไปพักที่โรงแรม 3 ดาวนั้นดีกว่า ที่ผมยกตรงนี้มาไม่ได้เป็นการชี้ว่าระหว่างโรงแรมกับที่พักบน Airbnb อะไรดีกว่ากัน แต่เป็นการสะท้อนให้เห็นว่าผู้คนคาดหวังอะไรในการไปพักผ่อน แน่นอนว่าแต่ละคนมีความคาดหวังแตกต่างกัน
ในคอมเม้นต์ดังกล่าวเจ้าของคอมเม้นต์คาดหวังการพักผ่อนในแบบที่เคยเป็น นั่นคือการพักผ่อนในแบบฉบับประสบการณ์โรงแรม แต่ไม่ใช่โฮสต์ Airbnb ทุกคนที่เป็นเจ้าของโรงแรม หรือเคยทำธุรกิจโรงแรมมาก่อน รวมถึงตัวผมเองด้วย แน่นอนว่าการที่โฮสต์ Airbnb ไม่สามารถเติมเต็มความคาดหวังนั้นได้ แขกที่ไปพักก็ย่อมผิดหวังเป็นธรรมดา ดังนั้นโรงแรมจึงน่าจะเป็นตัวเลือกดีกว่าสำหรับบางคนครับ
ในหนังสือ The Airbnb Story กล่าวว่า นักเดินทางยุคใหม่มีความต้องการที่เปลี่ยนไป พวกเขามองหาอะไรที่เป็นแตกต่าง สัมผัสได้จริง และเป็นเอกลักษณ์ เช่น “ถ้าฉันตื่นขึ้นมาในไคโร ฉันอยากให้ตัวเองรู้สึกว่าอยู่ในไคโรจริง ๆ ไม่ใช่ห้องที่ตกแต่งไม่ต่างอะไรกับโรงแรมในคลีฟแลนด์”
เหตุผลที่เชนโรงแรมใหญ่ ๆ ทั่วโลกจำเป็นต้องตกแต่งห้องที่ดูคล้ายกันหมด ก็เพื่อรักษาเอกลักษณ์ของพวกเขา โดยเฉพาะการทำให้ลูกค้าจดจำได้ว่าถ้าห้องที่ตกแต่งแบบนี้ จะต้องเป็นของโรงแรมแบรนด์นี้เท่านั้น ดังนั้นไม่ว่าจะพักที่ประเทศไหน รูปแบบการตกแต่งห้องของโรงแรมแบรนด์นั้น ๆ ก็จะคล้ายคลึงกันหมด
นอกจากรูปแบบการตกแต่งห้องพักแล้ว ธุรกิจโรงแรมยังมีข้อจำกัดในเรื่องของที่ตั้ง ปกติโรงแรมจะตั้งอยู่ในย่านการค้า ใจกลางเมือง หรือใกล้กับสถานที่ท่องเที่ยว แต่สำหรับสถานที่ที่ไกลออกไป เช่น ในป่า ชายแดน หรือเขตชนบท แทบจะไม่มีใครกล้าเสี่ยงที่จะเปิดโรงแรม เพราะโอกาสในการได้ลูกค้านั้นน้อยมาก ไม่คุ้มที่จะลงทุน
ดังนั้นการเกิดขึ้นของ Airbnb จึงเรียกได้ว่าเป็นการปฏิวัติ หรือพลิกโฉมอุตสาหกรรมโรงแรมครั้งใหญ่ เพราะธุรกิจได้สร้างความเป็นไปได้ใหม่ ๆ ขึ้นมา โดยเฉพาะในเชิงของภูมิศาสตร์ เพื่อเติมเต็มประสบการณ์ของนักเดินทางทั่วโลก พวกเขาไม่จำเป็นต้องทนอยู่กับสภาพที่จำเจ และจำยอมแบบที่เป็นอยู่ (โรงแรมแบบดั้งเดิม ตั้งอยู่ในเขตเมือง) แต่กลับมีทางเลือกมากมายให้ไปพักอาศัย โดยเฉพาะในสถานที่ที่ไม่เคยมีโรงแรมตั้งอยู่มาก่อน
ลองนึกถึงประสบการณ์การนอนบ้านต้นไม้ในป่าใหญ่ ที่เขียวชะอุ่ม มีสะพานแขวนทอดยาวให้เดินเล่น, กระท่อมน้ำแข็งที่ปกคลุมด้วยหิมะ พร้อมแสงออโรร่าสวยงามในยามค่ำคืน, ปราสาทยุคโบราณ ที่มีชุดเกราะอัศวินให้เยี่ยมชม, เรือยอร์ชที่ล่องลอยอยู่ในทะเล, บนประภาคาร ที่สามารถดูเรือแล่นไปมาในทะเล หรือกระโจมสไตล์มองโกลในทุ่งหญ้าที่เต็มไปด้วยฝูงสัตว์
ฟังดูเหมือน Airbnb จะมีแต่ข้อดีใช่ไหมครับ อย่างไรก็ตามที่ผมเกริ่นมาก่อนหน้า ไม่ใช่โฮสต์ Airbnb ทุกคนที่มี หรือทำธุรกิจโรงแรมมาก่อน ด้วยความที่ไม่มีกฎระเบียบ หรือมาตรฐานตายตัวเหมือนกับโรงแรม ทำให้บางครั้งนักท่องเที่ยวที่มาพักเจอกับเหตุการณ์ที่ทำให้หัวเสียได้ เช่น ต้องรอเจ้าของที่พักมาเปิดประตูให้ กุญแจไม่สามารถใช้การได้ดี เตียงนอนนอนไม่สบาย อินเทอร์เน็ต หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าใช้การไม่ได้ เรื่องต่าง ๆ เหล่านี้เกิดขึ้นได้เสมอ เพราะความไม่สมบูรณ์แบบ เป็นสิ่งสามัญในวิถีของมนุษย์
อย่างไรก็ตามสิ่งที่ Airbnb ทำคือการสร้าง Trust หรือความเชื่อมั่นให้กับผู้ใช้ทั้งสองฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นการยืนยันตัวตนและโปรไฟล์ การรีวิวให้คะแนน รวมถึงมาตรฐานที่ดีในการเป็นโฮสต์ ทุกอย่างถูกออกแบบมาเพื่อให้ผู้คนสะดวกใจที่พักไปพักผ่อน และอยู่อาศัยร่วมกันได้อย่างเป็นมิตร ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ทำให้ผู้ที่มาพักอาศัยไม่รู้สึกโดดเดี่ยว นั่นทำให้โฮสต์เป็นส่วนเติมเต็มที่สำคัญในแพลตฟอร์มของ Airbnb
ประสบการณ์ที่หาซื้อไม่ได้
ช่วงงานแสดงช้าง (16-19 พฤศจิกายน 2560) ที่ผ่านมา มีแขกจองที่พักของผมเกือบเต็ม เกสเฮ้าส์ของผมมี 7 ห้องนอน จองมาจาก Airbnb 5 ห้อง และเว็บไซต์ 1 ห้อง น้อยครั้งที่จะมีแขกจองมาเยอะขนาดนี้ ทำให้ผมตัดสินใจนั่งรถทัวร์จากเชียงใหม่กลับไปสุรินทร์ (14 ชั่วโมง) เพื่อต้อนรับแขกที่มาพัก
หลายคนอาจมองว่าไม่คุ้มค่า แต่สำหรับผมการได้ไปคลุกคลีกับแขกที่มาพักเป็นเรื่องคุ้มค่ามาก ๆ เพราะเป็นประสบการณ์ที่เราหาซื้อไม่ได้ โดยเฉพาะแขกที่เดินทางมาจากทั่วโลกเพื่อร่วมงานแสดงช้าง มาจากหลายประเทศทำให้มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม บางคนมาจากไต้หวัน ตุรกี เยอรมัน ฝรั่งเศส แคนนาดา และสวิตเซอร์แลนด์
การเข้าไปคลุกคลีกับแขก ให้อะไรกับเราเยอะมากครับ ไม่ว่าจะเป็นการแชร์ประสบการณ์การท่องเที่ยว รูปแบบการใช้ชีวิต การฝึกภาษา และทักษะการสื่อสาร รวมถึงการได้ข้อมูลมาเพื่อเขียนบล็อกให้ผู้อ่านได้ติดตามกัน สำหรับผมสิ่งเหล่านี้ประเมินค่าไม่ได้
แม้ว่าแขกแต่ละคนจะมีความคาดหวังในการพักผ่อนแตกต่างกันออกไป แต่ในฐานะโฮสต์ Airbnb สิ่งที่สำคัญ คือ การที่เราเป็นส่วนหนึ่งในการเติมเต็มประสบการณ์ท่องเที่ยวให้กับนักเดินทางเหล่านี้ครับ
ในเคสของผม แขกส่วนใหญ่มักจองมาวันที่ 17-19 พย. หรือตั้งใจมาแค่ดูงานแสดงช้างในวันที่ 18 และ 19 เท่านั้น พวกเขาไม่มีข้อมูลเลยว่าจะมีอีเว้นต์บุฟเฟ่ต์ช้างในตอนเช้าวันที่ 17 พย. ด้วยความเป็นเจ้าบ้านที่ดี ผมจึงให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับอีเว้นต์นี้ ทุกคนเต็มใจจองเพิ่มอีก 1 คืน เพื่อไม่พลาดที่จะได้เข้าร่วมอีเว้นต์นี้ครับ
สิ่งที่เหนือกว่านั้น คือ การพาแขกออกไปสัมผัสกับฝูงช้าง 160 เชือก พร้อมให้อาหารช้างที่เดินไปมาบนท้องถนน มันเป็นประสบการณ์แบบ Exclusive ที่สร้างความประทับใจให้กับแขกที่มากพัก เรียกได้ว่าคุ้มค่ากว่าเงินที่จ่ายเพิ่มอีก 1 คืนแน่นอน
ชีวิต คือ การแลกเปลี่ยนเรียนรู้
นอกจากการเติมเต็มประสบการณ์แล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ผมมักแลกเปลี่ยน หรือแชร์ให้กับแขก คือ ความหลงใหล (Passion) ในการทำธุรกิจของผม รวมถึงแนวทางการเป็นผู้ประกอบการให้กับคนที่สนใจ อย่าง Emma ผู้หญิงในรูปด้านบน เธอมาจากปารีส เคยเป็นสัตวแพทย์ก่อนที่จะลาออกมาเดินทางท่องเที่ยวในเอเชีย เพื่อตามรอยช้างตามที่ฝันไว้
ผมถาม Emma ว่าปกติเขียนบล็อก หรือเปล่า Emma ตอบผมว่าไม่ได้เขียนปกติจะบันทึกแต่ Diary ไว้อ่านเอง สิ่งที่ผมแนะนำ คือ Passion และประสบการณ์ของคุณเองสักวันหนึ่งมันอาจกลายเป็น Asset ที่ทำเงินได้
ทำไมคุณไม่ลองเขียน Ebook แชร์ประสบการณ์ท่องเที่ยวตามรอยช้างของคุณให้กับผู้คนล่ะ คุณอาจจะเริ่มจากเขียนบล็อก แล้วค่อยรวมบทความมาเป็น Ebook ขายบน Amazon ที่มีลูกค้าอยู่ทั่วโลกก็ได้นะ ผมก็เลยเอา Ebook ที่ผมเขียนเกี่ยวกับการเริ่มต้นเป็นผู้ประกอบการ Airbnb ให้เธอดู ซึ่งเธอก็รู้สึกสนใจ
ผมแนะต่อว่า หรือหากคุณไม่ชอบเขียน Airbnb ก็เป็นอีกหนึ่งแนวทางหนึ่งที่คุณสามารถสร้างรายได้ได้ เช่น ตอนที่คุณออกมาท่องเที่ยว ที่พักของคุณไม่มีใครอยู่ ทำไมคุณไม่ลองเปิดที่พักให้เช่าแทนที่จะปล่อยไว้เฉย ๆ ล่ะ Emma จะลองถามพ่อแม่เรื่องนี้ดู ซึ่งน่าจะเป็นไปได้ อีกทั้งฝรั่งเศสเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดของ Airbnb โอกาสที่จะมีคนมาพักย่อมมีเยอะอยู่แล้ว
นอกจากนี้ผมแนะนำให้ Emma รู้จักกับ Airbnb Experience ซึ่งเธอไม่รู้มาก่อนว่ามันคืออะไร ผมจึงเปิดตัวอย่าง Airbnb Experience ในปารีสให้ดู และเล่าให้ฟังว่า หากคุณมีทักษะอะไรบางอย่าง คุณสามารถนำทักษะนั้นมาใช้ทำเงินได้นะ ไมว่าจะเป็นการสอนทำไวน์ การพาแขกไปเดินตลาด การสอนสเก็ตภาพสถาปัตยกรรมภายในเมือง หรือการพาไปเยี่ยมชมสถานที่แปลก ๆ ในแบบที่คนท้องถิ่นเท่านั้นที่รู้
ดูอย่างผมสิ ผมไปเรียนออกแบบตัวอักษรแบบวาดด้วยมือบนเว็บไซต์ SkillShare แล้วก็เอามาทำเป็นลายเสื้อยืด ซึ่งถ้าเป็น Airbnb Experience มันไม่ใช้การขายตัวเสื้อยืด แต่เป็นกระบวนการวาดตัวอักษรด้วยมือต่างหากที่เป็นประสบการณ์ที่คนอยากซื้อ Emma ได้ยินดังนั้นเธอก็ชักสมุดภาพของเธอมาให้ผมดู ซึ่งเธอมีทักษะการวาดรูปด้วยสีน้ำที่น่าทึ่งมาก ๆ
ผมจีงบอกว่าเธอว่า ถ้ามีโอกาสกลับไปที่ปารีส และลองโพสต์ทักษะตัวนี้ดูใน Airbnb Experience ไม่นานคุณน่าจะมีลูกค้านะ เธอก็รับปากว่าจะลองดูถ้ากลับไป รวมถึงชวนผมว่าถ้ามีโอกาสไปปารีส เธอจะอาสาเป็นไกด์พาทัวร์สถานที่ต่าง ๆ ให้ สิ่งที่เกิดขึ้นนี้เป็นอะไรที่นอกเหนือจากประสบการณ์การพักผ่อนครับ คุณไม่รู้เลยว่าคุณจะได้อะไรบ้างจากคนแปลกหน้าที่คุณไปพักด้วย แต่สำหรับ Emma เธอได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างที่เกินความคาดหวังแน่นอนครับ
ส่งท้าย
“Uber is transactional; Airbnb is humanity”
– Elisa Schreiber, Greylock Partner
หรือ Uber เป็นเพียงการทำธุรกรรม แต่ Airbnb คือความเป็นมนุษย์
วลีเด็ดจากหนังสือ The Airbnb Story โดย Leigh Gallagher วลีดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความแตกต่างว่าทำไมธุรกิจ Airbnb จึงแตกต่างจากธุรกิจ Sharing Economy อย่าง Uber นั่นก็เพราะ Airbnb ใส่ “ความเป็นมนุษย์” ลงไปในแพลตฟอร์ม ที่เอื้อให้ผู้คนเกิดปฏิสัมพันธ์กัน โดยเฉพาะการต้อนรับขับสู้ (Hospitality) แม้ว่าทั้งสองฝ่ายจะไม่เคยเจอกันมาก่อนก็ตาม จนก่อให้เกิดความเป็นไปได้ใหม่ ๆ ขึ้นมาอย่างที่ผมได้เล่ามาตลอดบทความนี้
ในฐานะโฮสต์ Airbnb คนหนึ่ง การได้เป็นส่วนหนึ่งในการเติมเต็มประสบการณ์การท่องเที่ยวให้กับแขกที่มาพัก ถือเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมมาก โดยเฉพาะการได้เพื่อนใหม่ รวมถึงเรียนรู้วิถีชีวิต ไอเดีย ความเชื่อ และความหลงใหลของพวกเขาเหล่านั้น นี่จึงเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ว่า ทำไม Airbnb จึงเป็นธุรกิจที่น่าทำ และเติมเต็มบางอย่างให้กับชีวิตของเรา
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่อยากได้รับประสบการณ์แบบที่ผมเจอ ลองโพสต์ที่พักของคุณขึ้นไปยัง Airbnb เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการเติมเต็มประสบการณ์ท่องเที่ยวให้กับคนทั่วโลกดูนะครับ แล้วคุณจะหลงรักวิถีของ Airbnb ครับ
Comments
comments