ในบทความ งบไม่เกิน 1,000 บาท สร้างเว็บเกสท์เฮ้าส์ เพื่อรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ผมได้พูดถึงการจอง Blue Elephant Guesthouse ว่ามี 2 ช่องทาง คือ อีเมล กับ AirBnb และไม่น่าเชื่อว่าช่องทางหลังจะช่วยให้ผมมีลูกค้ารายแรกได้ถึง 2 รายในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน บทความนี้ผมแชร์ประสบการณ์ในฐานะ Host (เจ้าของที่พัก) ที่ใช้ AirBnb เป็นช่องทางหนึ่งให้นักท่องเที่ยวจองที่พักนะครับ
ย้อนกลับไปช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน 2557 ในขณะที่มือถือผมสั่นเนื่องจากมีการแจ้งเตือน ผมหยิบมือถือขึ้นมาดูว่ามันแจ้งอะไร ข้อความแจ้งเตือนนั้นจ่าหัวว่า AIRBNB พร้อมด้วยข้อความขอจองที่พัก ระหว่างวันที่ 14-17 พ.ย. “ให้ตายสิ” ผมคิดในใจ และรีบวิ่งไปบอกแม่ว่า “แม่เราได้ลูกค้ารายแรกแล้ว” ก่อนที่ข้อความนั้นจะส่งมาย้ำผมอีกครั้งที่ทาง sms และอีเมล และนี่คือจุดเริ่มต้นของการได้ลูกค้ารายแรกของผมจาก AirBnb ครับ 😀
Marta ต้องการมาชมการแสดงช้างในระหว่างวันที่เธอจองมา แต่ติดตรงเธอไม่สามารถจองตั๋วรถไฟออนไลน์จากกทม.มาสุรินทร์ได้ ผมแนะนำให้เธอไปซื้อตั๋วที่สถานีแทน เพราะเห็นว่ารฟท.ไม่มีระบบจองตั๋วออนไลน์
การพูดคุยกับ Marta เป็นไปอย่างสะดวก ผ่านแชทของแอพ AirBnb เสียอย่างเดียว คือ ผมไม่สามารถส่ง link เว็บไซต์หรืออีเมลให้กับแขกได้โดยตรง เพราะประเด็นเรื่อง phishing และ spam ดังนั้นผมจึงมีปัญหาในการส่งเว็บรฟท. ไปให้ Marta เพื่อให้เธอดูตารางเวลาที่รถไฟจะออก ผมเลยเอาตารางเวลานั้นไปแปะไว้ในเว็บเกสต์เฮ้าส์ พร้อมบอก Marta ว่าให้เข้าไปดูที่ “blueelephanthouse dot com” คือ พิมพ์ http://blueelephanthouse.com ไปตรง ๆ ไม่ได้
ส่วน Marta เลือกชำระเงินค่าที่พักผ่าน AirBnb เมื่อเธอยืนยันชำระเงินแล้ว ผมจะได้รับอีเมลฉบับหนึ่งที่แจ้งว่าการจองได้รับการยืนยัน ซึ่งเป็นข้อมูลสรุปการจองของแขก รวมถึงใบเสร็จ สิ่งที่สำคัญในอีเมล คือ รหัสการยืนยัน เช่น รหัสของ Marta คือ NCWTZ4 เราสามารถเช็ครหัสนี้ตอนที่แขกมา check-in ได้ว่าตรงกันไหม ส่วนการรับเงิน ผมจะได้รับเงินหลังจากแขก check-in เข้าพัก 1 วัน ในอีเมลจะแจ้งว่ารายได้ที่คุณจะได้รับเป็นเท่าไหร่ ซึ่งทาง Airbnb หักค่าบริการจากเราไป 3% จากราคาค่าที่พักทั้งหมดดังรูป
หากใครที่แขกมาเขียนรีวิวให้เป็นภาษาอื่นที่เราอ่านไม่ออกไม่ต้องตกใจนะครับ ระยะหลัง AirBnb เพิ่มฟีเจอร์ช่วยแปลเป็นภาษาอังกฤษมาให้ซึ่งก็สะดวกดีครับ ต่างจากตอนแรก ๆ ที่ไม่มีระบบช่วยแปล ผมเลยต้องไปพึ่งพาเจ้า Google Translator 😕
สรุปประเด็นที่น่าสนใจ
แขกที่มาพัก: เราสามารถอ่านรีวิวจาก Host คนก่อน ๆ ที่แขกของเราเคยไปพักมา รวมถึงถ้าแขกของเราเปิดให้เช่าที่พักใน AirBnb อย่างกรณี Marta เราสามารถอ่านรีวิวของผู้ใช้คนอื่น ๆ ที่เคยพักกับแขกของเราได้ครับ ตรงนี้ช่วยให้เราประเมินแขกซึ่งเป็นคนแปลกหน้าก่อนที่จะมาพักกับเราได้ครับ
การจองที่พัก: เมื่อแขกจองมา เราต้องตรวจสอบว่าวันดังกล่าวเรามีห้องว่างรองรับแขกหรือไม่ ก่อนที่จะ confirm หรือ cancel คำขอจองของแขกครับ ถ้าเรา confirm แล้วแขกเองจะต้อง confirm อีกทีหนึ่ง เพื่อจ่ายเงินค่าที่พักให้กับ AirBnb และเราจะได้รหัสการยืนยันมา เป็นการสิ้นสุดการจองครับ
การรับเงินค่าที่พัก: เราจะได้รับเงินค่าที่พักหลังจาก แขก check-in เข้าที่พัก 1 วันครับ โดย AirBnb จะโอนเงินให้ โดยส่วนตัวผมใช้ Paypal และแนะนำเพื่อน ๆ ให้ใช้วิธีนี้ เพื่อความสะดวกในการรับเงินจาก AirBnb ครับ
ในมุมของ Host การโดนชาร์จ 3% จาก AirBnb มันเป็นการการันตีได้ว่าแขกจะไม่ชิ่ง เพราะเค้าจ่ายเงินมาแล้ว ต่างจาก walk-in แม้ว่าเราจะได้ค่าที่พักเต็มจำนวน แต่ก็มีความเสี่ยงที่แขกอาจไม่มาพักตามนัดได้
ความปลอดภัย: การพูดคุยกับแขก เราไม่สามารถส่ง link หรืออีเมลไปให้แขกได้โดยตรง เนื่องจากเป็นมาตรการรักษาความปลอดภัยของ AirBnb กันแขกถูกล่อลวงไปเว็บไซต์ประสงค์ร้ายหรือถูก spam อีเมลครับ
ความเป็นส่วนตัว: ผมมีเคสลูกค้าจากจีนจองมาพัก 2 อาทิตย์ ผม confirm คำขอจอง แต่แขกยังไม่ confirm ตอบเพื่อชำระเงินกับ AirBnb กรณีนี้ผมไม่มีสิทธิ์ติดต่อแขกได้เลย ไม่ว่าจะเป็นอีเมลหรือเบอร์โทร แต่แขกแชทมาให้ผมติดต่อกลับทางอีเมล ย้อนกลับไปด้านบนเรื่องความปลอดภัย ผมไม่มีทางรู้อีเมลที่แขกส่งมาให้ในแชทได้เลยครับ ทำให้ผมเสียลูกค้ารายนี้ไปอย่างน่าเสียดาย
ใครมีประสบการณ์การเป็น Host ต้อนรับแขกที่มาพักผ่าน AirBnb เข้ามาพูดคุยกันได้นะครับ หรือถ้าใครอยากรู้วิธีลงที่พักให้เช่ากับทาง AirBnb ว่ามีวิธีการอย่างไร ต้องเตรียมตัวอะไรบ้าง รอติดตามอ่านกันต่อไปครับ
สนใจการเริ่มต้นให้เช่าที่พักบน Airbnb?
อีบุ๊ค: Airbnb Entrepreneur for Beginner: ผู้ประกอบการ Airbnb มือใหม่ สร้างรายได้จากการให้เช่าที่พัก
สนใจเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่ http://startitup.in.th/ebook-airbnb-entrepreneur-for-beginner/
Comments
comments