สวัสดีครับ เพื่อน ๆ หลายคนที่อยากจัดประสบการณ์บน Airbnb อาจจะสงสัยว่าในหน้าข้อมูลประสบการณ์ ซึ่งเป็นหน้าที่ลูกค้าของเราจะได้เห็นนั้น มีข้อมูลหลายอย่างมากไม่ว่าจะเป็นรูปถ่ายประสบการณ์ โปรไฟล์ของโฮสต์ สิ่งที่โฮสต์จัดเตรียมไว้ให้ กิจกรรมที่ผู้เข้าร่วมจัดประสบการณ์จะได้ทำ และสถานที่จัดประสบการณ์ ข้อมูลเหล่านี้จะต้องจัดเตรียมอย่างไรเพื่อให้โดดเด่นดึงดูดใจลูกค้า บทความนี้มีแนวทางที่น่าสนใจให้ครับ
ทีมงาน Airbnb ได้แชร์แนวทางของโฮสต์จัดประสบการณ์ที่ประสบความสำเร็จ โดยแบ่งออกเป็น 3 ส่วน เพื่อช่วยให้โฮสต์ใหม่ ๆ ได้นำไปใช้ในการสร้างหน้าประสบการณ์ที่ดึงดูด และน่าจองมากยิ่งขึ้น
1. การเล่าเรื่อง
ให้คิดว่าหน้าประสบการณ์ของคุณบน Airbnb Experiences เปรียบเสมือน “หน้าร้าน” ซึ่งเป็นสิ่งที่ลูกค้าเห็นก่อนที่พวกเขาจะตัดสินใจจอง และอะไรคือสิ่งที่ประสบการณ์ของคุณแตกต่างจากคนอื่น
แสดงความน่าเชื่อถือของคุณให้เด่นออกมา
ทุกเรื่องราวต้องการนักเล่าเรื่องที่ยอดเยี่ยม ในหัวข้อ “About your host” หรือ “เกี่ยวกับโฮสต์ของคุณ” จงบอกเล่าเรื่องราว และความหลงใหลของคุณให้กับว่าที่แขกได้รับรู้
หลายคนอาจจะคิดว่าเป็นเรื่องยากที่จะพูดเกี่ยวกับตัวเอง แต่แขกต้องการรู้ว่าอะไร คือ สิ่งที่คุณแตกต่างจากคนอื่น เริ่มต้นเขียนประวัติของคุณโดยพิจารณาแนวทางต่อไปนี้
- คุณเริ่มต้นเรียนรู้เกี่ยวกับหัวข้อของคุณมานานเท่าไหร่
- คุณอยู่ในเมืองที่คุณอยู่มานานเท่าไหร่
- คุณเคยได้รับการยอมรับจากสาธารณชนหรือไม่ เช่น การได้รับรางวัล หรือมีบทความที่เขียนเรื่องของคุณ
- อะไร คือ สิ่งที่คุณทำได้ดีในอดีต
- คุณได้เป็นสมาชิกในชุมชนหรือกลุ่มที่เป็นที่รู้จักหรือไม่
- ความหลงใหลของคุณเกี่ยวกับอะไรที่ทำให้คุณเหมาะสมที่สุดในการจัดประสบการณ์นี้ คุณสมบัติพิเศษอะไรที่ทำให้คุณมีเอกลักษณ์ และแตกต่าง
ลองดูตัวอย่างที่ดี Sailing on the San Francisco Bay!
วาดภาพถึงสิ่งที่คุณกำลังทำอยู่
แขกมีแนวโน้มที่จะตื่นเต้นในการจองประสบการณ์ของคุณ หากพวกเขาเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งในสิ่งที่พวกเขาคาดหวัง ในหัวข้อ “What we’ll do” (สิ่งที่พวกเราจะทำ) และ “Where we’ll go” (สถานที่ที่พวกเราจะไป) ให้
- แบ่งปันเรื่องราวของประสบการณ์นี้ ตั้งแต่เริ่มต้น กลางเรื่อง และตอนจบ
- พาพวกเขาเดินผ่านสถานที่สำคัญ หรือสถานที่ต่าง ๆ ที่พวกเขาจะเห็นตลอดทาง หากมีสถานที่มากกว่าหนึ่งแห่ง
- แสดงให้เห็นว่าอะไรที่ทำให้สถานที่ หรือกิจกรรมนั้นพิเศษ และมีเอกลักษณ์ ให้ลงรายละเอียด
- แบ่งปันกิจกรรมที่แขกจะมีส่วนร่วม และอธิบายวิธีที่แขกจะมีปฏิสัมพันธ์กับแขกคนอื่น
หากคุณรู้สึกว่ายังติดขัด ให้ลองแชร์เนื้อหาคร่าว ๆ เกี่ยวกับประสบการณ์ของคุณให้กับเพื่อน คำถามอะไรที่พวกเขาสงสัยเกี่ยวกับประสบการณ์ของคุณ
ลองดูตัวอย่างที่ดี: DJ for a Day
2. การตั้งความคาดหวัง
การตั้งความคาดหวังจะช่วยให้โฮสต์เจอความสำเร็จ วิธีนี้ช่วยให้คุณได้รีวิว 5 ดาวมากขึ้น และยิ่งคะแนนรีวิวสูง แน่นอนว่าแขกที่จะจองคุณก็เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน
ชัดเจน และทำตามที่ระบุไว้ใน “What I’ll Include”
แขกบ่อยครั้งตัดสินคุณค่าของประสบการณ์จากสิ่งที่โฮสต์มอบให้ เปรียบเทียบกับราคาที่ต้องจ่ายเพื่อเข้าร่วม เช่น ถ้าคุณบอกว่าคุณมีเครื่องดื่ม 2 ที่รวมไว้ให้ ให้มอบให้ลูกค้าอย่างน้อย 2 ที่ หลายครั้งที่การรีวิวในแง่ลบมักเกิดจากสิ่งที่ไม่ตรงความคาดหวัง
เคล็ดลับมืออาชีพ: โฮสต์หลายคนจะเก็บองค์ประกอบพิเศษในประสบการณ์ของพวกเขา และปล่อยออกไปสร้าง “ความว้าว” ให้กับแขกเป็นการส่วนตัว
ลองดูตัวอย่างนี้: Japanese Spoon Carvin
ช่วยให้แขกรู้สึกพร้อมในหัวข้อ “Where we’ll go”
ให้แขกทราบถึงถึงสถานที่ที่ประสบการณ์จะเกิดขึ้น และความสำคัญของจุดที่แวะชมแต่ละจุด ซึ่งจะช่วยให้พวกเขารู้สึกปลอดภัย และพร้อมเมื่อไปถึง โดยพิจารณาเรื่องต่อไปนี้
- การเดินทางโดยใช้ขนส่งสาธารณะ
- สถานที่จอดรถและค่าใช้จ่าย
- เวลาที่ใช้ในการเดินทางโดยประมาณ
- จุดขึ้นสถานีรถไฟใต้ดิน และสถานีที่ต้องออก
- สถานที่สำคัญในบริเวณใกล้เคียง ทางออก หรือสถานที่สำคัญบนบก ที่สามารถหาเจอได้ง่า
ลองดูตัวอย่างนี้: Brush and Ink (Japanese calligraphy)
3. การเพิ่มยอดจองของคุณ
ตรวจสอบให้แน่ใจว่าหน้าประสบการณ์ของคุณสามารถใช้งานได้ โดยการปรับแต่งปฏิทิน เวลาตัดสิทธิ์การจอง และการตั้งราคา
ทำปฏิทินให้ว่างให้มากขึ้น
ลองจินตนาการดูว่าแต่ละจุดในปฏิทิน คือ โอกาสที่ลูกค้าจะค้นเจอคุณ แน่นอนว่าคุณเป็นคนกำหนดตารางเวลา แต่ยิ่งคุณเพิ่มตารางเวลาให้ว่างมากขึ้น มันก็ยิ่งเป็นโอกาสที่ลูกค้าจะจองคุณมากขึ้นด้วยเช่นกัน
เล่นกับการตั้งราคา เพื่อชนะใจลูกค้ามากขึ้น
เช่นเดียวกับการตั้งปฏิทิน คุณสามารถควบคุมการตั้งราคาได้ โฮสต์จำนวนมากเริ่มต้นจากการตั้งราคาต่ำก่อนในช่วงแรก เมื่อเวลาผ่านไปพวกเขาค่อยเพิ่มราคาตามจำนวนรีวิวเชิงบวกที่เพิ่มมากขึ้น
เคล็ดลับในการตั้งราคา: จากข้อมูล AIrbnb ประสบการณ์ที่รวมค่าตั๋วเข้าไปแล้ว เช่น ดูการแสดง พิพิธภัณฑ์ เกม ฯลฯ จะได้รับการจองมากกว่าประสบการณ์ที่แขกต้องจ่ายแยก ในช่วงที่เข้าร่วมประสบการณ์
ทำให้ประสบการณ์ของคุณยังอยู่ในผลการค้นหา
20% ของการจองมักเกิดขึ้นภายใน 2 วันหลังจากที่ประสบการณ์กำลังจะเริ่มขึ้น ลองพิจารณาการตั้งค่าเวลาตัดสิทธิ์การจองประสบการณ์ โดยยิ่งใกล้เวลาเริ่มมากเท่าไหร่ประสบการณ์ของคุณก็ยิ่งแสดงให้กับกลุ่มที่ชอบจองนาทีสุดท้ายเห็น
คุณสามารถต่อยอดในการปรับหน้าประสบการณ์ของคุณ โดยนำสิ่งที่คุณเรียนรู้จากแขก อะไรที่ได้ผลดีสำหรับคุณ งบการเงิน และไลฟ์สไตล์ สำหรับในเชิงลึกคุณสามารถดูได้ที่บทความ Airbnb Experiences: 3 ขั้นตอนง่าย ๆ ในการได้ยอดจองเพิ่ม
[บทความต้นฉบับ] https://blog.atairbnb.com/your-guide-to-a-stand-out-experience-page/
สำหรับคนที่สนใจการเป็นโฮสต์จัดประสบการณ์บน Airbnb Experiences นะครับ ผมขอแนะนำคอร์สเรียนออนไลน์ Airbnb Experiences Host ซึ่งอธิบายขั้นตอนการเป็นโฮสต์ Airbnb Experiences ตั้งแต่ต้นจนจบ รวมถึงวิธีการลงข้อมูลประสบการณ์ที่คุณต้องการจัดในเว็บไซต์ของ Airbnb อย่างละเอียด
Comments
comments