Blue Bottle Coffee เป็นชื่อที่ผมอ่านผ่านตาหลายครั้งมาก แล้วก็ไม่รู้ว่าไปทำท่าไหน ธุรกิจจึงเกี่ยวข้องกับบริษัททางด้านเทคโนโลยี และสตาร์ทอัพได้มากมายขนาดนี้ แต่พอลงลึกในรายละเอียด ก็พบสิ่งที่น่าสนใจ คือ การเป็น "คลื่นลูกที่สาม" ในธุรกิจร้านกาแฟ มันคืออะไร และทำไมธุรกิจที่มีหน้าร้านจึงสามารถได้รับเงินทุนจำนวนมหาศาลราวกับเป็นธุรกิจสตาร์ทอัพเทคโนโลยี ในบทความนี้คุณจะได้รู้เรื่องเหล่านี้กันครับ
คุณจำได้มั้ยว่า Starbucks เริ่มดังตั้งแต่เมื่อไหร่ Starbucks สาขาแรกเปิดตัวใน Seattle ช่วงปี 70s ก่อนที่จะกลายมาเป็น Starbucks แบบที่เรารู้จักกันในปี 1987 เมื่ออดีตพนักงาน Starbucks ชื่อ Howard Schultz ได้เข้าซื้อกิจการ และด้วยความช่วยเหลือจากบรรดานักลงทุน Starbucks จึงกลายเป็นธุรกิจที่มีความทะเยอทะยานอย่างมากจนกระทั่งพิชิตอเมริกา และโลกนี้ได้สำเร็จ อีกทั้งยังได้เปลี่ยนทัศนคติเกี่ยวกับการดื่มกาแฟของอเมริกันชน จากเดิมที่เป็นเพียงสินค้าบริโภค ก็ได้เปลี่ยนมาเป็นความหลงใหล
อย่างไรก็ตามชัยชนะของ Starbucks ได้ทำให้จุดเด่นของธุรกิจ อย่างการตกแต่งร้านโทนอบอุ่น การเปิดเพลงขับกล่อมเบา ๆ...
มาต่อกันด้วยตอนจบของสตาร์ทอัพ Lyft บริการโดยสารรถร่วมกันแบบ On-demand หากใครยังไม่อ่านตอนแรก ไล่ย้อนกลับไปอ่านได้ที่นี่ครับ "Lyft จาก Zimride ถนนเส้นยาวสู่ความสำเร็จชั่วข้ามคืน (ตอนแรก)"
เรื่องราวของ Lyft ทำให้เราได้บทเรียนอย่างหนึ่ง คือ เราจะยึดติดกับ Comfort Zone (รายได้ของ Zimride ถือว่าไม่ขี้เหร่เลยเพียงแต่ธุรกิจไม่สามารถโตไปได้มากกว่านี้) หรือกล้าที่จะลองเสี่ยงทำสิ่งใหม่หลังจากที่ล้มเหลวมานับครั้งไม่ถ้วน ที่เค้าบอกว่าคุณล้มเหลวได้หลายครั้ง แต่ขอให้โดนสักครั้งก็ดูเหมือนจะเป็นเรื่องจริงที่เกิดกับสตาร์ทอัพรายนี้ครับ น่าสนใจใช่มั้ยครับงั้นมาติดตามกันต่อเลยดีกว่า
ความเดิมจากตอนที่แล้ว
John และ Logan สองหนุ่มผู้ก่อตั้ง Zimride บริการแชร์รถร่วม ซึ่ง Logan ได้รับแรงบันดาลใจมาจากการเดินทางไปเที่ยวที่ Zimbubwe และลองนำแนวคิด Carpool มาปรับใช้เพื่อแก้ปัญหารถติดบนท้องถนนที่เกิดขึ้นในบ้านเกิด ทั้งสองเน้นไปที่กลุ่มนศ.ที่ต้องการเดินทางจากมหาวิทยาลัย...
BucketFeet ธุรกิจที่เกิดจากงานอดิเรก ก่อนที่ผู้ก่อตั้งจะเห็นศักยภาพของมันโดยบังเอิญในระหว่างเดินทาง จนนำไปสู่การก่อตั้งเป็นธุรกิจสตาร์ทอัพรองเท้าผ้าใบที่มีลวดลายมากมายจากศิลปินต่าง ๆ ทั่วโลก ความน่าสนใจของเรื่องนี้อยู่ที่ว่าสองผู้ก่อตั้งไม่มีความรู้และประสบการณ์ในธุรกิจผลิตรองเท้าขายมาก่อน พวกเขาทำอย่างไรจึงประสบความสำเร็จมาติดตามอ่านกันได้เลยครับ
ย้อนกลับไปในเดือนมกราคม 2011 Raaja Nemani และ Aaron Firestein กำลังคอยรองเท้าผ้าใบจำนวน 2,600 คู่ที่กำลังถูกส่งมายังบ้านของพวกเขาในชิคาโก ซึ่งในขณะนั้นเป็นช่วงที่เกิดพายุหิมะ จึงเป็นหน้าที่ของรถบรรทุกขนาดเขื่องที่บรรทุกของที่สั่งมาให้พวกเขา เมื่อรถมาถึงสองหนุ่มก็พบว่าพวกเขาล้มเหลวอีกแล้วจากสิ่งที่พวกเขาคิดไว้
พนักงานขับรถต้องการทราบว่ามีท่ารถขนถ่ายสินค้าออกอยู่ที่ไหน และใครจะเป็นคนขนสินค้าลง Nemani กล่าวว่า "ตอนนั้นพวกเราเหมือนไอ้งั่ง นี่มันถนนในเมืองนะ มันจะไปมีท่ารถตรงไหน" และทั้งคู่ต้องคิดทำอะไรสักอย่าง ทันใดนั้นพวกเขาก็นึกออก จึงโทรเรียกเพื่อน 2-3 คนมาช่วย และจ่ายเงินให้กับพนักงาน 100 เหรียญ เพื่อเป็นค่าแรง และค่าเสียเวลาถึง 3 ชั่วโมง ในการช่วยกันขนย้ายกล่องรองเท้าจำนวนมหาศาลลงมากองที่พื้นหิมะ
ทั้ง Nemani และ Firestein ไม่เคยมีประสบการณ์จัดการคลังสินค้ามาก่อน รถบรรทุกขนส่งขนาดใหญ่จึงเป็นหนึ่งในเรื่องที่ผิดพลาดของพวกเขาในการทำธุรกิจนามว่า BucketFeet แบรนด์รองเท้าที่ถูกออกแบบจากศิลปินต่าง ๆ...
Sundar Pichai ได้ถูกแต่งตั้งให้เป็น CEO ของ Google เมื่อเดือนสิงหาคมปี 2015 เด็กหนุ่มอินเดียกับเรื่องราวชีวิตอันน่าเหลือเชื่อจากคนยากจนกลายเป็นมหาเศรษฐี โดย Pichai ได้รับหุ้นของบริษัทประมาณ 183 ล้านเหรียญ
อ้างอิงจากสื่อชั้นนำอย่าง Bloomberg ได้รายงานว่า การได้รับหุ้นของ Pichai ในครั้งนี้ ถือได้ว่าสูงที่สุดเท่าที่ Google เคยจ่ายมาให้กับผู้บริหารมา
แม้ว่า Larry Page จะยังคงเป็น CEO ของ Alphabet (บริษัทตั้งใหม่และเป็นบริษัทแม่ของ Google) แต่ Pichai ก็มีบทบาทอันสุดเหลือเชื่อในการทำให้ Core หลักและกระแสเงินสดของธุรกิจนั้นแข็งแกร่ง
คำถามที่หลาย ๆ คนคิด คือ Sundar Pichai คือใคร และทำอย่างไรหนุ่มอินเดียรายนี้จึงสามารถไต่เต้าเข้ามารับตำแหน่งที่สำคัญที่สุดของโคตรบริษัทระดับโลกอย่าง Google...
เรื่องราวของ Uber ที่ปรากฏให้เราเห็นในสื่อล้วนเต็มไปด้วยความขัดแย้ง และข้อพิพาทต่าง ๆ ไม่เว้นแม้แต่ในเมืองไทย แต่หากเรามองข้ามประเด็นเหล่านั้นก็ชวนให้ทึ่งได้เหมือนกันกับความสำเร็จที่ Uber แสดงให้พวกเราได้ประจักษ์ ไม่ว่าจะเป็นนวัตกรรมทางเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมขนส่งไปอย่างสิ้นเชิง การเติบโตแบบก้าวกระโดด การไม่ยอมแพ้ต่อขนบเดิม ๆ และการกลายเป็นสตาร์ทอัพที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลกภายในระยะเวลาเพียง 6 ปี
ปัจจุบัน Uber เปิดให้บริการใน 67 ประเทศทั่วโลก และเป็นสตาร์ทอัพที่มีมูลค่า 6-7 หมื่นล้านเหรียญ เบื้องหลังความสำเร็จของ Uber มาจากชายที่ชื่อ Travis Kalanick ซึ่งเป็นทั้งผู้ร่วมก่อตั้งและ CEO และผู้ร่วมก่อตั้งอีกคนอย่าง Garrett Camp ในบทความนี้ผมขอเน้นเรื่องราวของ Travis Kalanick และการก่อตั้ง Uber ตั้งแต่ต้นจวบจนปัจจุบัน
ฉายแววผู้ประกอบการตั้งแต่เด็ก
Travis Cordell Kalanick...