Travis Kalanick ชายผู้ปฏิวัติอุตสาหกรรมขนส่ง ด้วยสตาร์ทอัพที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลกนาม Uber

เรื่องราวของ Uber ที่ปรากฏให้เราเห็นในสื่อล้วนเต็มไปด้วยความขัดแย้ง และข้อพิพาทต่าง ๆ ไม่เว้นแม้แต่ในเมืองไทย แต่หากเรามองข้ามประเด็นเหล่านั้นก็ชวนให้ทึ่งได้เหมือนกันกับความสำเร็จที่ Uber แสดงให้พวกเราได้ประจักษ์ ไม่ว่าจะเป็นนวัตกรรมทางเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมขนส่งไปอย่างสิ้นเชิง การเติบโตแบบก้าวกระโดด การไม่ยอมแพ้ต่อขนบเดิม ๆ และการกลายเป็นสตาร์ทอัพที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลกภายในระยะเวลาเพียง 6 ปี

ปัจจุบัน Uber เปิดให้บริการใน 67 ประเทศทั่วโลก และเป็นสตาร์ทอัพที่มีมูลค่า 6-7 หมื่นล้านเหรียญ เบื้องหลังความสำเร็จของ Uber มาจากชายที่ชื่อ Travis Kalanick ซึ่งเป็นทั้งผู้ร่วมก่อตั้งและ CEO และผู้ร่วมก่อตั้งอีกคนอย่าง Garrett Camp ในบทความนี้ผมขอเน้นเรื่องราวของ Travis Kalanick และการก่อตั้ง Uber ตั้งแต่ต้นจวบจนปัจจุบัน

ฉายแววผู้ประกอบการตั้งแต่เด็ก

Travis Cordell Kalanick เกิดวันที่ 26 สิงหาคม 1976 ในนอร์ธทริดจ์ รัฐแคลิฟอร์เนียร์ แถบชานเมืองรอบนอกของนครลอสแอนเจลิส ในวัยเด็ก Kalanick มีความฝันว่าอยากเป็นสายลับ และเมื่อเข้าสู่วัยรุ่นเขาได้มีประสบการณ์เดินเคาะตามบ้านเพื่อขายชุดมีดทำครัว

ความเป็นผู้ประกอบการของ Kalanick เริ่มฉายแววเด่นชัด โดยเริ่มธุรกิจตัวแรกเมื่ออายุได้เพียง 18 ปี เขาเปิดธุรกิจให้บริการติวสอบ SAT ชื่อว่า New Way Academy

Kalanick ศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยแคลิฟอเนีย (UCLA) ในสาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ และได้เข้าร่วมสมาคมวิทยาการคอมพิวเตอร์ ทำให้รู้จักกับ Michael Todd และ Vince Busam ซึ่งภายหลังได้ร่วมกันก่อตั้งบริษัท

เศรษฐีใหม่

Kalanick ลาออกจากมหาวิทยาลัยกลางคันในปี 1998 เพื่อมุ่งทำธุรกิจแบบเต็มเวลา เขาก่อตั้งบริษัท Scour ขึ้นมาร่วมกับเพื่อนซี้อย่าง Michael Todd และ Vince Busam ซึ่งให้บริการ Search Engine แบบ P2P สำหรับค้นหาและแชร์ไฟล์ (เกิดขึ้นก่อน Napster)

Travis Kalanick ชายผู้ปฏิวัติอุตสาหกรรมขนส่ง ด้วยสตาร์ทอัพที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลกนาม Uber

Photo credit: Here’s how Uber got its start and grew to become the most valuable startup in the world

แม้ว่า Scour จะดึงดูดผู้ใช้หลายล้านคน แต่ในปี 2000 บริษัทสื่อกว่า 30 แห่งได้พากันฟ้องร้อง Scour เป็นเงินจำนวนสองแสนห้าหมื่นล้านเหรียญ สุดท้าย Kalanick และพวกได้ยื่นขอล้มละลายในปีเดียวกันเพื่อหลีกเลี่ยงการฟ้องร้องคดี

ปีถัดมาทีมวิศวกรเดิมของ Scour นำโดย Kalanick และ Todd ได้ก่อตั้งบริษัทแชร์ไฟล์ขึ้นมาอีกตัวชื่อ Red Swoosh ด้วยความคิดที่อยากแก้แค้นบริษัทสื่อ 33 แห่งที่ฟ้องร้องพวกเขา

Kalanick เผชิญหน้ากับความท้าทายหลายอย่าง โดยเฉพาะเรื่องเงิน เมื่อบริษัทเกิดถังแตกไม่มีเงินจ่ายค่าจ้างพนักงานทั้ง 7 คน และในเดือนสิงหาคม 2001 Kalanick เกิดความไม่ลงรอยกับ Todd เรื่องการไม่ยอมหักภาษี ณ ที่จ่ายสำหรับเช็คเงินเดือนพนักงาน ซึ่งเขามองว่านี่เป็นอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ

อย่างไรก็ตาม Red Swoosh ได้ถูกซื้อโดย Akamai Technologies ในปี 2007 ด้วยมูลค่า 23 ล้านเหรียญ แบ่งเป็นหุ้น 19 ล้านเหรียญ และเงินจำนวน 4 ล้านเหรียญ เหตุการณ์นี้ทำให้ Kalanick กลายเป็นเศรษฐีเงินล้านในทันที

เศรษฐีใหม่ไม่ยอมเสียเวลาไปกับการใช้เงิน เพื่อซื้อบ้านหลังใหม่ ออกเดินทาง หรือลงทุนกับสตาร์ทอัพ แต่เขากลับไปพบปะบุคคลดังในวงการสตาร์ทอัพ เพื่อพูดคุยหาไอเดียลงทุนใหม่ ๆ กับ Chris Sacca (ปัจจุบันเป็นนักลงทุนระดับพันล้าน และเป็นคนออกทุนให้กับ Uber) Tony Hsieh แห่ง Zappos และ Ev Williams แห่ง Twitter

ปารีส คือ จุดเริ่มต้นของไอเดีย Uber

เรื่องราวของ Uber เริ่มต้นในปารีสช่วงฤดูหนาวปลายปี 2008 Kalanick และ Garrett Camp ได้เข้าร่วมงาน Conference ทางด้านเทคโนโลยีที่ชื่อว่า LeWeb ซึ่งจัดเป็นประจำทุกปี โดยในปีนั้นว่าด้วยหัวข้อ “where revolutionaries gather to plot the future” หรือ “ที่ซึ่งการปฏิวัติมารวมตัวกันเพื่อกำหนดอนาคต”

Travis Kalanick ชายผู้ปฏิวัติอุตสาหกรรมขนส่ง ด้วยสตาร์ทอัพที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลกนาม Uber
LeWeb Conference

Photo credit: Here’s how Uber got its start and grew to become the most valuable startup in the world

ย้อนกลับไปในปี 2007 Kalanick มีเงิน 19 ล้านเหรียญจากการขาย Red Swoosh ส่วน Camp มีเงิน 75 ล้านเหรียญจากการขาย StumbleUpon ให้กับ eBay อย่างไรก็ตามการที่ทั้งคู่มางาน Conference ก็เพื่อมองหาการลงทุนในสิ่งใหม่ โดยเฉพาะสิ่งที่สามารถช่วยแก้ปัญหาในชีวิตประจำวันของผู้คนได้

ช่วงจัดงาน Conference สองเศรษฐีเงินล้านตระเวนเที่ยวในปารีสในยามค่ำคืน เพื่อผ่อนคลาย และดื่มกิน แต่ปัญหาที่พวกเขาพบ คือ การหารถ Taxi ให้ได้สักคันนั้นยากเหลือเกิน ซึ่ง Camp เองก็ประสบปัญหานี้ในซาน ฟรานซิสโกที่เขาอยู่ สองหนุ่มที่กำลังนั่งชิลทานอาหารอยู่บนหอไอเฟล ก็ได้ระดมสมองกันเพื่อแก้ปัญหานี้ ในตอนนั้นทุกอย่างถูกทำเป็นแอพหมดแล้ว แต่ยังไม่มีแอพสักตัวที่สามารถใช้เรียก Taxi ได้ 

Travis Kalanick ชายผู้ปฏิวัติอุตสาหกรรมขนส่ง ด้วยสตาร์ทอัพที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลกนาม Uber
Garrett Camp

Photo credit: Here’s how Uber got its start and grew to become the most valuable startup in the world

Camp จึงเสนอไอเดียออกมาคือ 1) รถที่มารับจะต้องเป็นรถหรูอย่าง Mercedes S Class, BMW 7 Series หรือ Audi A8 เพื่อให้ผู้โดยสารที่แม้ไม่ใช่เศรษฐีก็สามารถฟินได้ และ 2) ต้องใช้งานได้ง่ายสุด ๆ ผ่านแอพมือถือ ด้วยแนวคิด “Press a Button and Get a Cab” หรือ “กดปุ๊บมีรถมารับปั๊บ” ซึ่ง Kalanick เห็นด้วยกับไอเดียนี้และให้เครดิต Camp เป็นเจ้าของไอเดียตอนสัมภาษณ์สื่อ

ก่อร่างสร้าง Uber

หลังจบงาน Conference ทั้งคู่แยกย้าย แต่ Camp กลับไปที่ซาน ฟรานซิสโก เขานำไอเดียนี้ไปสานต่อ โดยจดโดเมนในชื่อ UberCab.com

ในปี 2009 Camp ยังคงเป็น CEO ให้กับ StumbleUpon (จนถึงกลางปี 2012) เขาวุ่นกับงานหลัก แต่ก็เริ่มสร้าง Prototype เวอร์ชันแรกของ UberCab (แอพไอโฟน) ในเวลาว่าง โดยมีผู้ช่วยอย่าง Oscar Salazar และ Conrad Whelan นอกจากนี้ Camp ยังได้ชักชวน Kalanick ให้เข้ามาเป็นที่ปรึกษาให้กับ UberCab ในฐานะ Chief Incubator เมื่อเดือนมิถุนายนปีเดียวกัน

Travis Kalanick ชายผู้ปฏิวัติอุตสาหกรรมขนส่ง ด้วยสตาร์ทอัพที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลกนาม Uber
UberCab Prototype

Photo credit: A Brief History Of Uber

Kalanick, Camp และ Oscar Salazar ช่วยกันปรับแต่ง Prototype จนเสร็จ และเริ่มทดสอบให้บริการที่นิวยอร์คเป็นเมืองแรกในเดือนมกราคม 2010 ในตอนนั้นพวกเขามีรถให้บริการเพียงแค่ 3 คัน Kalanick เล่าว่า “พวกผมให้บริการในเขต SOHO, Chelsea และ Union Square มีคนใช้บริการเพียงไม่กี่คน ซึ่งพวกเราทั้ง 3 เป็นคนขับรถเอง”

ทีม UberCap เริ่มมองหาผู้จัดการทั่วไป (GE) ในเดือนมีนาคม 2010 โดย Kalanick ได้พบกับ Ryan Graves หนุ่มหัวใสจากชิคาโก้ จากการโต้ตอบกันผ่าน Twitter ซึ่ง Graves มีบทบาทสำคัญในช่วงเริ่มต้นของ Uber อย่างมาก และทำให้เขากลายเป็น CEO ของ Uber ในเวลาต่อมา (สิงหาคม 2010)

Travis Kalanick ชายผู้ปฏิวัติอุตสาหกรรมขนส่ง ด้วยสตาร์ทอัพที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลกนาม Uber
Ryan Graves

Photo credit: From Dead-End Job to Uber Billionaire: Meet Ryan Graves

UberCap เปิดตัวอย่างเป็นทางการที่ซาน ฟรานซิสโก ในเดือนกรกฎาคม 2010 โดยมีค่าบริการประมาณ 1.5 เท่าของ Taxi ทั่วไป แต่ที่เจ๋ง คือ ผู้โดยสารเพียงแค่กดปุ่มในแอพเพียงครั้งเดียวก็จะมีรถหรูสีดำมารับ เพื่อส่งไปยังจุดหมายที่ต้องการ ความเรียบง่ายนี้ทำให้ Uber ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว

ความนิยมของ Uber ทำให้ธุรกิจในรับเงินทุนรอบ Seed Round เดือนตุลาคม 2010 จำนวน 1.25 ล้านเหรียญ จาก Chris Sacca และ Shawn Fanning ผู้ร่วมก่อตั้ง Napster

เส้นทางไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ

อย่างไรก็ตามหลังจากที่ได้รับเงินลงทุน เทศบาลเมืองซาน ฟรานซิสโกออกคำสั่งไม่ให้ประชาชนใช้บริการของ Uber เพราะการดำเนินธุรกิจที่คล้ายกับการให้บริการ Taxi (มีคำว่า Cab ในชื่อ แต่ไม่มีใบอนุญาตที่ถูกต้อง) ดังนั้นธุรกิจจึงเปลี่ยนชื่อเป็น Uber พร้อมซื้อโดเมนชื่อ Uber.com มาจาก Universal Music Group

Uber เร่งขยายฐานผู้ใช้ โดยการออกแอพสำหรับ Android ในเดือนพฤศจิกายน 2010 และในเดือนถัดมา Kalanick ได้กลายมาเป็น CEO ส่วน Graves กลายเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง, COO และสมาชิกบอร์ดบริหาร แต่ทั้งคู่ยังคงความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันอยู่

Uber ติดจรวดพุ่งทะยาน

ปี 2011 เป็นปีที่ Uber เติบโตอย่างก้าวกระโดด ในเดือนกุมภาพันธ์ 2011 ธุรกิจได้รับเงินทุนรอบ Series A จำนวน 11 ล้านเหรียญ จาก Benchmark Capital ทำให้ธุรกิจมีมูลค่า 60 ล้านเหรียญ

เงินทุนนี้ช่วยให้ Uber รุกพื้นที่ให้บริการเพิ่มขึ้นโดยเริ่มจากนิวยอร์ค ซึ่งกลายเป็นเมืองหนึ่งที่มีผู้ใช้บริการ Uber มากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2011 จวบจนปัจจุบัน โดยมีการเรียกใช้บริการของ Uber 82,000 เที่ยวต่อวันเลยทีเดียว นอกจากนี้พวกเขายังรุกไปที่ซีแอตเทิล บอสตัน ชิคาโก และวอชิงตัน ดี.ซี. และเริ่มออกนอกประเทศ โดยเริ่มที่ปารีส เมืองที่พวกเขาได้ไอเดียการทำ Uber

ณ งาน LeWeb Conference เดือนธันวาคม 2011 Kalanick ประกาศข่าวการได้รับเงินรอบ Series B จำนวน 37 ล้านเหรียญจาก Menlo Ventures, Jeff Bezos และ Goldman Sachs

นอกจากนี้ในปี 2012 Uber ยังเริ่มแตกไลน์ให้บริการ Taxi ราคาประหยัดอย่าง UberX ซึ่งถูกกว่า UberBlack ประมาณ 35% เน้นใช้รถ Hybrid อย่าง Prius และ Cadillac Escalade แต่ที่ฮือฮา คือ ผู้ใช้สามารถเรียกรถขายไอศกรีมไปรับส่งได้ ทำให้ UberX เป็นที่รู้จักมากขึ้น

Travis Kalanick ชายผู้ปฏิวัติอุตสาหกรรมขนส่ง ด้วยสตาร์ทอัพที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลกนาม Uber
UberX

Photo credit: Here’s how Uber got its start and grew to become the most valuable startup in the world

เมื่อธุรกิจถูกต่อต้าน และกีดกัน

มีหลายเหตุการณ์ที่ทำให้ Uber ถูกวิพากษ์วิจารณ์ไปในแง่ลบ และต่อต้าน แต่ขอยกเหตุการณ์สำคัญ ๆ ที่เกิดขึ้นดังนี้

หลังจากที่ได้รับเงินทุนปลายปี 2011 ก็เกิดเหตุการณ์ราคาค่าโดยสารพุ่งพรวดเป็น 7 เท่าของราคาปกติ ซึ่งมาจากการใช้อัลกอริทึมการคำนวณราคาแบบอัตโนมัติ โดยพิจารณาจากอุปสงค์และอุปทานของตลาดในช่วงเทศกาลปีใหม่ปี 2011 ทำให้ Uber ถูกวิจารณ์ในแง่ลบอย่างมาก ซึ่งเหตุการณ์กระชากราคานี้เกิดซ้ำรอยอีกครั้ง ในช่วงที่อเมริกาเจอพายุเฮอริเคน แซนดี้ถล่มในปลายปี 2012 ซึ่ง Uber ต้องเปลี่ยนแผนให้ผู้ประสบภัยนั่งรถกลับบ้านฟรี

ในช่วงฤดูหนาวปี 2012 ได้ขยายบริการไปยังเมืองต่าง ๆ ธุรกิจได้มีข้อพิพาทกับคู่กรณีทั้งรายเล็กรายใหญ่ (หน่วยงานรัฐในประเทศนั้น ๆ รวมถึงบรรดาบริษัท Taxi) แต่ Kalanick ยังคงยืนกรานที่จะสู้กับปัญหานี้ต่อไป เพื่อให้ Uber ไปได้ไกลกว่าที่เคยเป็น

เกิดเหตุสลดในเดือนมกราคม ปี 2014 เมื่อ Sophia Liu เด็กหญิงวัย 6 ขวบ ถูกคนรับจ้างขับรถของ Uber ชนเสียชีวิตระหว่างข้ามถนนในซาน ฟรานซิสโก โดย Uber ปฏิเสธข้อกล่าวหาว่า “เหตุสลดนี้ไม่เกี่ยวข้องกับยานพาหนะ หรือผู้ให้บริการในระหว่างขับขี่ด้วยระบบของ Uber” อย่างไรก็ตาม Uber ได้ออกประกันให้กับผู้ขับขี่ของ Uber ในขณะที่วิ่งรถโดยไม่มีผู้โดยสาร

ช่วงกลางปีในปี 2014 คนขับ Taxi ในลอนดอน เบอร์ลิน ปารีส และมาดริด ได้รวมตัวกันประท้วงปิดถนนต่อต้าน Uber บริษัท Taxi ต่างกล่าวโจมตีว่า Uber หลีกเลี่ยงค่าธรรมเนียมใบอนุญาตที่มีราคาแพง และละเมิดกฎหมายท้องถิ่น ทำให้เกิดการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรมขึ้น

Travis Kalanick ชายผู้ปฏิวัติอุตสาหกรรมขนส่ง ด้วยสตาร์ทอัพที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลกนาม Uber
Uber protest in Berlin

Photo credit: Uber Protests Spark Chaos and Traffic Jams From London to Madrid

เดือนธันวาคม 2014 เกิดคดีข่มขืนผู้โดยสาร Uber ในอินเดีย ทำให้ Uber ถูกแบนในอินเดียไปพักหนึ่ง แต่ในไม่กี่เดือนถัดมารัฐบาลอินเดียก็สั่งเลิกการแบนนั้น

ในปัจจุบัน Uber ก็ยังต้องต่อสู้กับปัญหาการประท้วงต่อต้านของบรรดาคนขับแท็กซี่ และผู้โดยสารในประเทศต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น บราซิล แคนาดา จีน ฝรั่งเศส เยอรมัน อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลี และสเปน ซึ่ง Uber อาจไม่รอดมาถึงทุกวันหากไม่ได้การชี้นำที่ดีของ Garrett Camp และการไม่ยอมแพ้ต่อปัญหาของ Travis Kalanick

คู่แข่งปรากฏตัว

ย้อนกลับไปในเดือนสิงหาคม 2012 Lyft ได้ปรากฏตัวขึ้นในฐานะคู่แข่งของ Uber โดยเริ่มให้บริการที่ซาน ฟรานซิสโก และในปี 2013 Lyft ได้ยกระดับตัวเองขึ้นมาเป็นคู่แข่งของ Uber ทั้งระดับประเทศ และระดับโลก

Travis Kalanick ชายผู้ปฏิวัติอุตสาหกรรมขนส่ง ด้วยสตาร์ทอัพที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลกนาม Uber
Lyft cofounder John Zimmer

Photo credit: Here’s how Uber got its start and grew to become the most valuable startup in the world

การแข่งขันระหว่างผู้ให้บริการทั้ง 2 ยังคงดุเดือด โดยทั้งคู่เคลมว่าถูกกลั่นแกล้งจากคนของอีกฝ่าย โดยการเรียกรถมารับ แล้วบอกยกเลิกบริการ โดย Uber กล่าวหาว่าคนของ Lyft ยกเลิกบริการกว่า 13,000 เที่ยว ส่วน Lyft กล่าวหาว่าทาง Uber เองก็ยกเลิกบริการกว่า 5,000 เที่ยว

เติบโตต่อไป

Uber รุกไปยังอินเดียและแอฟริกาในเดือนสิงหาคม 2013 อีกทั้งยังได้รับเงินทุนรอบ Series C จาก Google Ventures จำนวน 258 ล้านเหรียญ ทำให้ Uber มีมูลค่าสูงถึง 3.76 พันล้านเหรียญ เงินทุนนี้ช่วยให้ Uber ขยายธุรกิจออกไปได้อีกมากโข

กันยายน 2013 แคลิฟอร์เนียกลายเป็นรัฐแรกที่อนุญาตให้บริการใช้รถรับส่งร่วมกันเป็นเรื่องถูกกฏหมาย ซึ่งเอื้อประโยชน์ต่อ Uber และ Lyft นอกจากนี้ช่วงปลายปี 2013 Uber ยังสามารถปิดดีลกับผู้ผลิตรถยนต์ได้สำเร็จ ส่งผลให้ต้นทุนการให้บริการของ Uber นั้นถูกลงไปอีก

รุกจีนแผ่นดินใหญ่ และปล่อยของใหม่เพียบ

Uber ให้บริการใน 100 เมืองทั่วโลก ในเดือนเมษยน 2014 และได้ปล่อยทดสอบบริการจัดส่งของอย่าง Uber Rush ซึ่งใช้จักรยานส่งของในเมืองแมนฮัตตัน อัตราค่าบริการเริ่มต้นที่ 15 เหรียญ และมีการชาร์จเพิ่มเติมขึ้นอยู่กับโซนนั้น ๆ

Travis Kalanick ชายผู้ปฏิวัติอุตสาหกรรมขนส่ง ด้วยสตาร์ทอัพที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลกนาม Uber
UberRUSH

Photo credit: Here’s how Uber got its start and grew to become the most valuable startup in the world

นอกจากนี้ Uber ยังบุกเข้าจีนแผ่นดินใหญ่ได้สำเร็จ ในเดือนกรกฎาคม 2014  ซึ่งได้รับเงินทุนเพิ่มอีก 1.2 พันล้านเหรียญ ทำให้บริษัทมีมูลค่า 17 พันล้านเหรียญ ประเทศจีนถูกจับตามองว่าจะกลายเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดของ Uber และทุกวันนี้ 4 ใน 10 ของเมืองที่ใช้บริการ Uber มากที่สุดอยู่ในจีน

Uber เริ่มให้บริการ UberPOOL หรือบริการรับส่งคนที่จะโดยสารไปในทางเดียวกัน ในเดือนสิงหาคม 2014 บริการนี้ช่วยให้ผู้โดยสารประหยัดเงินเหมือนมีคนมาแชร์ และนี่ก็เป็นรถยนต์ที่ใช้ร่วมกันในแบบฉบับของ Uber

Travis Kalanick ชายผู้ปฏิวัติอุตสาหกรรมขนส่ง ด้วยสตาร์ทอัพที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลกนาม Uber
UberPOOL

Photo credit: Here’s how Uber got its start and grew to become the most valuable startup in the world

สิ้นปี 2014 Uber ได้เงินทุน 600 ล้านเหรียญจาก Baidu Seach Engine ยักษ์ใหญ่ของจีน โดยดีลนี้ Baidu จะเชื่อม Mobile search กับแผนที่ของตนเข้ากับบริการของ Uber และทำให้ Uber สามารถใส่เกียร์สู้กับบริษัทเทคโนโลยีเจ้าดัง ๆ ในจีนได้

เหตุการณ์ที่น่าสนใจในปี 2015

เมื่อรุกจีนได้สำเร็จ Uber จึงเปิดตัวบริการตัวใหม่ชื่อ UberCARGO ในฮ่องกง เมื่อเดือนมกราคม ปี 2015 ซึ่งเป็นทั้งบริการช่วยขนย้าย และรับส่งของ Uber ยังคงยึดมั่นการส่งมอบคุณค่าแก่ผู้ใช้ โดยยึดหลักการ “travel like a VIP” และบริการใหม่ที่เกิดขึ้นทำให้เรามองเห็นชัดเจนขึ้นว่า Uber กำลังเคลื่อนตัวไปเป็นบริษัททางด้าน Logistic

deCarta คือสตาร์ทอัพแรกที่ถูก Uber ซื้อไปในเดือนมีนาคม 2015 ซึ่งทำเกี่ยวกับแผนที่ ดีลนี้ถูกมองว่า Uber อาจต้องการลดการพึงพา Google Maps

นอกจากนี้ Uber ยังปล่อย UberEATS ในเดือนเมษายน 2015 ซึ่งเป็นบริการรับส่งอาหารถึงที่ภายในไม่กี่นาที บริการนี้เริ่มทดสอบใน 4 เมือง คือลอสแองเจลิส, บาร์เซโลนา, ชิคาโก และนิวยอร์ค

ในเดือนพฤษภาคม 2015 Uber ได้กว้านซื้อพนักงานกว่า 40 คน จากมหาวิทยาลัยคาร์เนกีเมลลอน เพื่อไปทำงานในแผนกวิจัยด้านหุ่นยนต์ แน่นอนว่าดีลนี้เกี่ยวข้องกับการสร้างรถไร้คนขับ ซึ่ง Kalanick มองไปในอนาคตว่า Uber สามารถทำให้บริการถูกกว่านี้ได้ หากผู้โดยสารไม่ต้องจ่ายเงินให้กับคนขับ

Travis Kalanick ชายผู้ปฏิวัติอุตสาหกรรมขนส่ง ด้วยสตาร์ทอัพที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลกนาม Uber
Uber protest in France

Photo credit: Uber protests turn into riot in France

เกิดเหตุประท้วงเรียกร้องให้ Uber ยุติการให้บริการขึ้นในฝรั่งเศส เมื่อเดือนมิถุนายน 2015 ซึ่งบริการของ Uber ทำให้คนขับ Taxi ท้องถิ่นมีรายได้ลดลงกว่า 30-40% และไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าใบอนุญาตในการให้บริการแท็กซี่จำนวนหลายพันยูโร โดยเหตุประท้วงนี้ได้มีการปิดเส้นทางหลักไปสนามบินและสถานีรถไฟ เผายาง ทำลายรถยนต์ และจับคนขับของ Uber เป็นตัวประกัน

คณะกรรมการแรงงานของรัฐ California ออกกฏให้พนักงานขับรถมีสถานะเป็นลูกจ้าง ไม่ใช่ฟรีแลนซ์ เหตุนี้ทำให้ Business Model ของ Uber กลายเป็นข้อคำถาม การตัดสินนี้เกิดขึ้นหลังจากที่คนขับรถในซาน ฟรานซิสโก ชื่อ Barbara Ann Berwick ยื่นฟ้องต่อ Uber

Uber ในจีนได้รับเงินอัดฉีดเพิ่มขึ้นอีก 1.5 พันล้านเหรียญ ในเดือนกันยายน 2015 เพื่อช่วยให้ธุรกิจสามารถสู้กับคู่แข่งรายใหญ่อย่าง Didi Kuaidi ที่ได้รับเงินทุนไปประมาณ 3 พันล้านเหรียญได้

ก้าวต่อไปของ Uber ในฐานะธุรกิจนวัตกรรม

Uber เริ่มผันตัวเองจากการเป็นแค่ผู้ให้บริการรถรับส่ง มาเป็นธุรกิจด้าน Logistic แบบเต็มตัวจากการปล่อย Product ใหม่ ๆ นอกจากนี้พวกเขายังมองไปที่อนาคตเพื่อให้ธุรกิจสามารถสู้รบกับ Google, Apple และ Tesla Motors โดยเฉพาะการวิจัยและพัฒนารถยนต์ไร้คนขับโดย Uber ได้ลงทุนสร้างศูนย์วิจัยในพิตต์สเบิร์ก และเป็นหุ้นส่วนร่วมกับมหาวิทยาลัยคาร์เนกีเมลลอนเพื่อให้ทุนสนับสนุนการทำวิจัย

Kalanick พูดถึงมุมมองของรถยนต์ไร้คนขับในงาน Code Conference เมื่อปี 2014 ว่า “ต้นทุนของ Uber จะถูกลงกว่านี้มากถ้าไม่มีคนขับอยู่ในรถ ” ดังนั้นการที่ Uber ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ มันแสดงให้เห็นถึง Vision ของ Kalanick ว่าธุรกิจยังคงต้องก้าวต่อไปในฐานะตัวอย่างของสตาร์ทอัพที่ประสบความสำเร็จเชิงนวัตกรรม

ความคิดเห็นจากผู้เขียน

อ่านไปก็ขนลุกไปกับการทำธุรกิจของ Uber ซึ่งแสดงให้พวกเราได้เห็นว่าสตาร์ทอัพระดับโลกเขาทำอย่างไรถึงประสบความสำเร็จ ไม่น่าเชื่อว่าในตลาดที่เต็มไปด้วยแอพต่าง ๆ มากมาย สองผู้ก่อตั้งจะค้นหาเจอว่าในตลาดยังไม่มีแอพสักตัวที่สามารถเรียกรถ Taxi ให้ไปรับไปส่งได้

นอกจากนี้ Uber ยังต้องเผชิญหน้ากับข้อพิพาทที่เกิดขึ้นทั่วโลกถ้าเป็นหลายคนคงยอมถอดใจไปแล้ว แต่ Kalanick กลับไม่ใช่คนแบบนั้น จากประสบการณ์ในอดีตเขาที่ก่อตั้ง Scour แล้วโดนฟ้องร้องจนต้องถอดใจยื่นล้มละลายไป เป็นยาขมที่ดีให้กับผู้ร่วมก่อตั้ง Uber รายนี้

การกลับมาอีกครั้งของ Kalanick ในฐานะ CEO ของ Uber เขาแสดงให้เห็นถึงการไม่ยอมแพ้ต่อปัญหาเหล่านั้น แม้จะเป็น Scale ระดับโลกก็ตาม และ Vision ที่มองกว้างไกล ทำให้ Uber เป็นมากกว่าบริการรถรับส่งแบบ On-demand นั่นคือการต่อยอดไปสู่อุตสาหกรรม Logistic และการเห็นภัยคุกคามในอนาคตที่อาจทำให้ Uber ดับสูญได้ จึงเป็นเหตุผลว่าทำไม Uber จึงยอมทุ่มทุนเพื่อวิจัยรถยนต์ไร้คนขับ

ทั้งหมดทำให้ Uber กลายเป็นสตาร์ทอัพที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก ณ ขณะนี้ ดังนั้นหากคุณมีความตั้งใจที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่างให้กับโลกนี้ ขอให้เชื่อในสิ่งที่คุณเชื่อ และทำตามสิ่งที่ใจคุณเรียกร้อง โดยไม่ยอมแพ้ต่อปัญหาและอุปสรรคที่เข้ามา

ข้อมูลอ้างอิง

[บทความ] Startup From The Bottom: Here Is How Uber Started Out
http://gulfelitemag.com/startup-bottom-uber-started/

[บทความ] A Brief History Of Uber
http://techcrunch.com/gallery/a-brief-history-of-uber/

[บทความ] How Uber CEO Travis Kalanick Went From A Startup Failure To One Of The Hottest Names In Silicon Valley
http://www.businessinsider.com/uber-ceo-travis-kalanicks-success-story-2014-9

[บทความ] The Story of Uber
http://www.investopedia.com/articles/personal-finance/111015/story-uber.asp

[บทความ] Story of Uber: How two entrepreneurs built a billion-dollar startup from scratch
http://www.hifluence.eu/inspiration/story-of-uber-how-two-entrepreneurs-built-a-billion-dollar-startup-from-scratch/

[บทความ] Uber Startup Story – with founder Travis Kalanick
http://www.corporatevalley.com/blog/uber-startup-story-with-founder-travis-kalanick/

[บทความ] Here’s how Uber got its start and grew to become the most valuable startup in the world
http://www.businessinsider.com/history-of-uber-and-its-rise-to-become-the-most-valuable-startup-in-the-world-2015-9

[บทความ] Uber’s Founding
https://newsroom.uber.com/2010/12/ubers-founding/

Comments

comments