ความลับ 7 ประการ จาก Ryan Grepper ชายผู้พลิก Kickstarter ด้วยแคมเปญที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด (ปี 2014)

อีกหนึ่งแรงบันดาลใจที่เกิดขึ้นบน Kickstarter เรื่องราวของ Ryan Grepper ชายหนุ่มผู้ล้มเหลวจากแคมเปญระดมทุนตัวแรก เขาตั้งใจจะสร้างกระติกน้ำแข็ง (คูลเลอร์) ที่รวมร่างเข้ากับเครื่องปั่น ชื่อ “The Coolest” ความล้มเหลวจากแคมเปญแรกเป็นทั้งบทเรียน และแรงผลักดันให้ชายหนุ่มคนนี้กลับมาสู้ต่อด้วยแคมเปญตัวที่ 2 ด้วย Product ตัวเดิม แต่มีการปรับปรุง และการนำเสนอที่ดีขึ้น จนทำให้แคมเปญนี้สามารถกระชากบัลลังก์แคมเปญอันดับหนึ่งในตอนนั้นอย่าง Pebble ลงได้

เรื่องราวของ Ryan Grepper เริ่มต้นเมื่อ 10 ปีก่อน เมื่อเขาตัดสินใจทำสิ่งที่ตัวเองอยากได้ คือ เครื่องปั่นน้ำแข็ง เพื่อใช้ปั่นน้ำหรือผสมเครื่องดื่ม เวลาที่เขาออกไปปิคนิคนอกบ้านกับเพื่อน ๆ หรือครอบครัว ดังนั้นชายหนุ่มจึงปิ๊งไอเดียจับเอาเครื่องปั่นมาประกอบกับเครื่องยนต์ที่ใช้ตัดหญ้า

the-coolest-protorypePhoto Credit: Entrepreneur.com

ปรากฏว่าเจ้าเครื่องปั่นน้ำแข็ง DIY นี้เป็นที่ถูกใจคอปาร์ตี้ Outdoor เป็นอย่างมาก และเป็นแรงบันดาลใจให้ Grepper สร้าง Product ขึ้นมา และใช้ Kickstarter เป็นช่องทางระดมทุนเพื่อให้ฝันเป็นจริง ไม่น่าเชื่อว่าแคมเปญนี้จะระดมทุนได้มากกว่า Product ตัวอื่น ๆ บน Kickstarter การทำทุกอย่างให้จบในอุปกรณ์เดียว คือ วิธีแก้ปัญหาที่ชาญฉลาด และทำให้ไอเดียนี้กลายเป็นไอเดียมูลค่าสิบล้านเหรียญในทันที

Grepper เริ่มต้นทำ Prototype กระติกน้ำแข็งที่บิวท์อินเครื่องปั่นน้ำแข็งเข้าไปด้วย นักประดิษฐ์จาก Portland คนนี้ยังเพิ่มลูกเล่นด้วยความรู้เพียงหางอึ่งอย่าง การติดลำโพง ที่ชาร์จมือถือ และใส่ดอกยางให้กับล้อลาก โดยเขาตั้งชื่อ Product ตัวนี้ว่า “The Coolest”

ความลับ 7 ประการ จาก Ryan Grepper ชายผู้พลิก Kickstarter ด้วยแคมเปญที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด (ปี 2014)Photo credit: jebiga.com

Grepper ปล่อยแคมเปญออกไปช่วงเดือนสิงหาคม ปี 2014 โดยตั้งเป้าไว้ที่ 50,000 เหรียญ เพื่อเป็นทุนสำหรับการผลิตจำนวนมาก หลังจากที่แคมเปญสิ้นสุดลง ชายหนุ่มได้รับเงินระดมทุนมากถึง 13 ล้านเหรียญ เงินจำนวนนี้ทุบสถิติเดิมที่เคยทำไว้ของ Pebble ที่ประมาณ 10 ล้านเหรียญ ในพฤษภาคม ปี 2012 ลงได้ในที่สุด

บางทีเรื่องราวที่น่าจดจำมากที่สุดของ Grepper นั้น ไม่ใช่เรื่องการระดมทุน The Coolest ที่ได้รับเงินทุนจำนวนมหาศาล แต่เป็นเรื่องราวเมื่อ 6 เดือนก่อนหน้านั้นที่ The Coolest ยังเป็น Product ที่ทุกคนร้องยี้ ใช่แล้วครับ คุณอ่านไม่ผิดหรอก เจ้าคูลเลอร์ตัวนี้เคยถูกระดมทุนครั้งแรกเมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2013 และไปไม่ถึงฝั่งฝันที่เป้าหมาย 125,000 เหรียญ

มองเผิน ๆ สองแคมเปญนี้แทบจะไม่ต่างกันเลย แต่ทำไมแคมเปญแรกที่ล้มเหลว ห่างกันเพียงไม่กี่เดือนต่อมา แคมเปญตัวเดิมนี้จึงสามารถกลับมาเขย่าบัลลังก์แคมเปญระดับท็อปลงได้

เว็บไซต์ Entrepreneur.com สื่อชื่อดังได้ติดตาม Grepper เพื่อขอคำแนะนำเกี่ยวกับเบื้องหลังการปล่อยแคมเปญบน Kickstarter ให้ดังเป็นพลุแตก และนี่คือความลับทั้ง 7 ประการที่ Grepper นำมาเปิดเผยให้ผู้อ่านได้ทราบกัน

1. จงทำ Prototype ให้มีฟีเจอร์ครบถ้วน ก่อนโชว์ให้ทุกคนเห็นผ่านรูปภาพ และวิดีโอ

ครั้งแรกที่ Grepper สร้าง Prototype ของ The Coolest ขึ้นมา และปล่อยแคมเปญออกไปใน Kickstarter แต่เขาไม่ได้แสดงฟีเจอร์ทั้งหมดตามที่สัญญาไว้ ยกตัวอย่าง เขาเคยบอกว่า “The Cooler จะมีที่ชาร์จมือถือในตัว…ถ้าแคมเปญนี้ระดมทุนได้ถึงเป้าที่วางไว้” แต่ Prototype ที่เขานำมาโชว์นั้นกลับไม่มีฟีเจอร์ดังกล่าว รวมถึงฟีเจอร์อื่น ๆ อย่างการทำล้อลากให้กว้างขึ้น และการแบ่งพื้นที่ภายในตัวคูลเลอร์ ก็ยังไม่ปรากฎให้เห็นใน Prototype ตัวแรก

แต่เมื่อ Grepper ปล่อยแคมเปญตัวที่สอง เขาสร้าง Prototype แบบจัดเต็มมีทุกฟีเจอร์ตามที่เคยกล่าวไว้ ชายหนุ่มแนะนำว่า “สิ่งที่คุณนำเสนอคือสิ่งที่ทุกคนเห็น นี่คือประเด็นแรกที่ผมอยากแนะนำกับผู้ประกอบการว่า จงให้ผู้คนได้เห็น Product ที่คุณออกแบบมา ไม่ใช่ให้พวกเขาต้องมานั่งจินตนาการว่า Product ของคุณเมื่อทำเสร็จหน้าตาจะเป็นอย่างไร”

2. แน่ใจว่าวิดีโอของคุณสั้นกระชับ และจับคนดูได้อยู่หมัด

Grepper สังเกตคะแนนวิดีโอของแคมเปญอื่น ๆ ใน Kickstarter ที่นำเสนอ Product คล้ายกันกับ The Coolest และวิเคราะห์สิ่งที่เขาชอบ และไม่ชอบ นอกจากนี้เขายังวิเคราะห์อีกว่าอะไรคือสิ่งที่ทำให้เขาสนใจเมื่อ Product นั้นออกวางขาย จำไว้ว่าขั้นแรกสุด คุณควรทำวิดีโอให้สั้นกระชับ ประมาณ 2 – 3 นาทีครึ่งก็พอ เพราะคุณมีเวลาไม่มากที่จะจับคนดูได้อยู่หมัด

วิดีโอที่ประสบความสำเร็จไม่ได้อวย Product ตัวเอง แต่ผู้สร้างโฟกัสไปที่ลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย “ผู้คนจำนวนมากโฟกัสไปที่ฟีเจอร์ของ Product พร้อมคิดด้วยว่าพวกเขาจะได้อะไรจากไอเดียนี้ จริง ๆ เลย คือ อะไรคือผลประโยชน์ที่ผู้ออกทุนจะได้รับ และ Product ของคุณช่วยให้ชีวิตของคนเหล่านั้นดีขึ้นได้อย่างไร” Grepper กล่าว ส่วนการทำวิดีโอนำเสนอนั้นเขาจ้างเด็กวัย 17 ปี

3. ให้นึกถึงเวลาที่คุณจะเปิดตัว Product ด้วย

Grepper เล่าถึงเหตุการณ์ในอดีตว่า “แคมเปญเจ้าคูลเลอร์ที่ผมปล่อยออกไปในช่วงเดือนธันวาคม ปี 2013 เป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด ตอนนั้นผมคิดว่าการปล่อยแคมเปญในช่วงเทศกาลจับจ่ายปลายปี น่าจะมีคนสนใจแคมเปญตัวนี้มาก แต่ที่ไหนได้นั่นมันเดือนที่หนาวที่สุดของปี และไม่มีใครหรอกที่จะสละเวลามาตื่นเต้นกับถังคูลเลอร์ในฤดูหนาว” ดังนั้น Grepper จึงเลือกปล่อยแคมเปญตัวที่สองในช่วงซัมเมอร์ ซึ่งช่วยให้แคมเปญตัวนี้น่าสนใจขึ้นเยอะ

4. ให้ผู้คนได้รับรู้แคมเปญระดมทุนของคุณ ก่อนที่จะปล่อยมันออกไป

นักประดิษฐ์จาก Portland กล่าวว่า “ปัจจัยที่ทำให้แคมเปญระดมทุนประสบความสำเร็จ คือ การพิสูจน์ได้ว่ามัน Work ก่อนที่จะปล่อยแคมเปญออกไป” คุณต้องทำให้ผู้คนรู้สึกตื่นเต้นไปกับ Product ของคุณ บอกให้พวกเขาทราบว่าคุณกำลังจะมีแคมเปญระดมทุน และเตรียมช่องทางสำหรับบริจาคเงินไว้ด้วยเมื่อแคมเปญของคุณปล่อยออกไป

ความล้มเหลวจากแคมเปญแรก ทำให้ Grepper เห็นโอกาสที่จะปล่อยแคมเปญตัวที่สองออกไป พร้อม ๆ กับมีคนให้เงินสนับสนุนตั้งแต่แรกเลย เขากล่าวว่า “เมื่อเราจะปล่อยแคมเปญตัวที่สองออกไป พวกผมนำคนกลุ่มใหญ่มาลอง Product กับพวกผมหนึ่งวันเต็ม เพื่อสร้างระลอกคลื่น เหมือนกับการทุ่มหินก้อนใหญ่ลงในแอ่งน้ำ ถ้าคุณปาแค่ก้อนกรวดลงไป คุณทำได้แค่ให้น้ำกระเพื่อมเบา ๆ มันต่างจากการทุ่มหินก้อนใหญ่ลงในน้ำ คลื่นลูกใหญ่ที่กระจายออกไปช่วยให้พวกผมสร้างการรับรู้แบบทวีคูณ และช่วยสร้างโมเมนตั้มให้กับโปรเจคนี้ก่อนที่พวกผมจะเริ่มปล่อยลง Kickstarter ด้วยซ้ำ”

5. ลองเผยแพร่บน Social Media ทุกตัว เพื่อดูว่าตัวไหนให้ Traction มากที่สุด

จงปล่อยแคมเปญของคุณออกไปบน Social Media เพื่อให้ว่าที่ผู้บริจาคของคุณได้รับรู้ ไม่ว่าจะเป็น Facebook Twitter หรือแม้แต่อีเมล์ และพยายามให้ข้อมูลอัพเดทอยู่เสมอ Grepper ลองเผยแพร่แคมเปญผ่าน Social Media หลายตัว แต่ตัวที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด คือ Facebook และนั่นทำให้เขาตัดสินใจทุ่มพลังทั้งหมดไปที่ Social Media สีน้ำเงินตัวนี้ตัวเดียวเท่านั้น

6. แคมเปญระดมทุนที่ประสบความสำเร็จต้องทำการตลาด

ให้คุณรู้ไว้เลยว่า ไม่ใช่ทุกคนที่จะรักไอเดียที่คุณทำ แม้คุณจำเป็นต้องขายให้กับพวกเขาก็ตาม “แคมเปญแรกของผมบน Kickstarter ผมขอเรียกมันว่า ‘มือใหม่หัดระดมทุนพลาด’ ก็แล้วกัน เพราะผมคิดว่าการปล่อยไอเดียที่เจ๋งออกไป ทุกคนน่าจะอยากได้มันน่ะนะ” Grepper กล่าว

การระดมเงินจากมวลชนจำเป็นต้องมีการเตรียมตัวที่ดี การทำงานอย่างหนัก และการวิเคราะห์ไอเดียของคุณตามความเป็นจริง ห้ามลำเอียงเด็ดขาด “นี่ คือ ข้อผิดพลาดร้ายแรงที่สุด สำหรับนักประดิษฐ์หรือผู้ประกอบการ ที่มักมองว่าไอเดียในการทำ Product นั้นมาจาก Passion แทนที่จะมาจากการวิเคราะห์หาโอกาสทางธุรกิจ”

7. ระดมทุนล้มเหลวไม่ได้แปลว่า “เกมจบ”

Grepper ให้แง่คิดกับผู้ประกอบการ และนักประดิษฐ์ว่า

“ผมคิดว่าบทเรียนจากแคมเปญตัวแรก คือ ความล้มเหลว แต่มันไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นถาวร มันยังมีโอกาสเสมอ ถ้าคุณไม่ยอมแพ้ และลุยทำโปรเจ็คตัวต่อไป สิ่งเหล่านี้คือข้อมูล และ Feedback ที่คุณได้รับ และมันยังเป็นโอกาสที่ดีที่คุณจะได้เรียนรู้จากความผิดพลาด ตกผลึกกลายมาเป็น Best Practice ก่อนที่คุณจะปล่อยแคมเปญออกไปลองสู้ดูอีกครั้ง”

นอกจากนี้ Grepper เสริมว่า ความผิดหวังจากแคมเปญแรกทำให้เขายอมทุ่มเท เพื่อแก้ไขข้อผิดพลาดในอดีตที่เกิดขึ้นกับ The Coolest และนั่นทำให้เขาได้รับเงินสนับสนุนจากคนกลุ่มแรกที่ตื่นเต้นไปกับไอเดียนี้ในที่สุด


ปัจจุบัน (ปี 2015) The Coolest เป็นแคมเปญระดมทุนได้สูงสุดเป็นอันดับสอง รองจาก Pebble Time โดยนาฬิกาอัจฉริยะจอสี e-ink ได้ทุนไปประมาณ 20 ล้านเหรียญ ส่วนอันดับสามอย่าง Pebble รุ่นแรก ได้ทุนไปประมาณ 10 ล้านเหรียญ

สุดท้ายถ้าใครอยากรู้ว่าเจ้า The Coolest นี้มัน Cool ยังไงลองดูได้จากวิดีโอที่เค้านำเสนอใน Kickstarter ข้างล่างนี้

https://www.kickstarter.com/projects/ryangrepper/coolest-cooler-21st-century-cooler-thats-actually/description

Comments

comments